ตลอดระยะเวลา 38 ปีที่บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN โลดแล่นอยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ยังคงพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เสมอมา ล่าสุดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ลลิลได้รังสรรค์บ้านให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์เทรนด์สิ่งแวดล้อมมากขึ้นในราคาที่จับต้องได้ ทั้งการวางตำแหน่งบ้านให้ลมพัดผ่านเข้าตัวบ้าน การใช้ช่องแสงธรรมชาติ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้บ้านเย็น และประหยัดพลังงานทั้งไฟฟ้าและน้ำ ซึ่งตอบโจทย์ความคุ้มค่าในกระเป๋าของลูกค้า ที่สำคัญลลิลยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับวิถีชีวิตยุคใหม่สไตล์ Eco Living
ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN กล่าวว่า ลลิลให้ความสำคัญกับแนวคิด ESG E-Environmental S-Social G-Governance โดยเฉพาะ E-Environmental เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เริ่มตั้งแต่วาง Conceptual โครงการ เลือกสรร Material ต่างๆ กระบวนการก่อสร้าง รวมถึง Facility ที่ในโครงการ ในส่วนของ Master Plan ปกติลลิลจะเลือกวางตำแหน่งบ้านอยู่ทางทิศเหนือและใต้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีลมมรสุม จะรับลมหน้าหนาวจะรับลมทางทิศเหนือ ส่วนหน้าร้อนรับลมทางทิศใต้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดการใช้พลังงาน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ทั้งวัน เพียงเปิดหน้าต่างก็สามารถรับลมธรรมชาติได้
ด้านประหยัดพลังงาน (Energy Saving) เป็นสิ่งสำคัญ มีการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโครงการปรับมาใช้หลอด LED ฝ้าสะท้อนความร้อน หลังคามีฉนวนกันความร้อน ช่วยลดอุณหภูมิภายใน สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ เลือกผลิตภัณฑ์ฉลากเขียวเป็นหลัก ซึ่งใช้กระบวนการผลิตมีส่วนช่วยลดโลกร้อน และลดการใช้พลังงานต่างๆ ในบ้านมีพัดลมระบายอากาศ กลับบ้านสามารถเปิดระบายอากาศดูดอากาศร้อนให้อากาศเย็นเข้ามาแทนที่ ออกแบบช่องรับแสงที่ช่องบันได ลดการใช้ไฟฟ้า และหลังคาสูงโปร่งทุกโครงการ แต่ไม่สูงจนเกินไป จะได้ไม่เปลืองแอร์ สามารถประหยัดพลังงานได้ 20-30%
ในตัวบ้าน พยายามเลือก Material ที่ทดแทนวัสดุจากธรรมชาติ และป่าไม้ที่ลดน้อยลงทุกวัน สามารถลด Material จากไม้พอสมควร เช่น วงกบ ใช้ไม้สังเคราะห์ ประตูพีวีซี ใช้ไม้เทียม พื้นลามิเนต ใช้เศษไม้ไม่ใช่ไม้ชิ้น โดยพยายามดูหลายๆมิติในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้คุณภาพเท่าเทียม แต่ประหยัดต้นทุน เนื่องจากเราพยายามพัฒนานวัตกรรมเอง จึงทำราคาได้
สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง ใช้แผงโซล่าร์เซลล์ โคมไฟเพื่อลดการใช้พลังงาน ด้านน้ำมีการ Reuse นำน้ำที่ผ่านการบำบัดในค่าที่รับได้มา Reuse รดต้นไม้ โดยไม่ใช้น้ำประปา ช่วยลดปริมาณน้ำทิ้ง และลดค่าส่วนกลาง ซึ่งเป็นการช่วยประหยัดทรัพยากรต่างๆ
นำแนวคิด ESG มาปรับใช้ได้ 2-3 ปี เริ่มต้นที่โครงการ Lio Prestige
นอกจากนี้มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น ช่วง COVID-19 ลลิลเพิ่มเติม Healthy Living ในเรื่องเชื้อโรค เช่น ใช้กระเบื้องคอตโต้เคลือบสารพิเศษ และสีทีโอเอซิลเวอร์นาโน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย พัดลมระบายอากาศ และเครื่องปรับอากาศที่ใช้ระบบที่มีเครื่ิองฟอกอากาศในตัว เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคปรับตลอดเวลา พยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า
“เราพยายามศึกษา Pain Point ของลูกค้าว่าจุดไหนที่ตอบสนองการใช้ชีวิต เราพยายามมาปรับว่าทำอย่างไรทั้งไฟฟ้าและการใช้น้ำที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้มาช่วยอย่างสมดุล เทรนด์มาก่อน แล้ว Material จะตามมาว่าจะตอบโจทย์เทรนด์ยังไง เราต้องตามเทรนด์ให้ทันและเลือกใช้ สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ขณะเดียวกันพยายามหาจุดสมดุล ไปลดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ บริษัทฯ จึงใช้ Value Engineer ความรู้ทางวิศวกรรมจัดการต้นทุนในส่วนอื่น พยายามรักษาตรงนี้ได้ แม้ว่าเราจะใส่นวัตกรรมใหม่ แต่บ้านเราก็ยังอยู่ในราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับคู่แข่ง เราทำราคาได้ถูก”
ทั้งนี้ลลิลได้นำแนวคิด ESG มาปรับ ใช้ได้ 2-3 ปี เริ่มที่โครงการ Lio Prestige ซึ่งเปิดใหม่ 10 โครงการ ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 20 โครงการ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม Keyหลักๆ คือ ไฟฟ้าและน้ำเพราะช่วยลูกค้าประหยัดเงินในกระเป๋า หากมีเทรนด์ใหม่ๆ ที่ลูกค้าให้ความสำคัญก็จะเพิ่มเติมเข้ามา เพราะเราจะไม่หยุดพัฒนา
บ้านลลิลรุ่นใหม่ ก้าวสู่ Smart Living
ชูรัชฏ์ กล่าวว่า สำหรับบ้านรุ่นใหม่ ลลิลจะจัด Smart Living ทั้งกล้องรักษาความปลอดภัย Smart Sensor Smoke Detector เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกตามที่ต้องการ พร้อมทั้งเดินสายปลั๊กรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รองรับเทรนด์ EV ที่กำลังมาแรง เพียงลูกค้าติดตั้ง Charger สามารถใช้งานได้ ส่วน Smart Home เดินจุดอินเทอร์เน็ตไว้ให้ สามารถเสียบสายใช้ได้ทันที โดยไม่ต้องเจาะรูบ้านเหมือนสมัยก่อน
“ลลิลไม่เคยหยุดนิ่ง ทีมฝ่ายขายและทีมการตลาด จะสะท้อนความต้องการของลูกค้าตลอดเวลา จะถ่ายทอดไปที่แผนก Product Developmentพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝ่าย In-house ฝ่ายวิจัย จะฟัง Feed Back และปรับใช้สินค้าบริษัทฯ ให้มีพัฒนาการสม่ำเสมอ จะสังเกตว่าสินค้าไส้ใน จะปรับตลอดเวลา”
จัดประกวดนวัตกรรมทุกปี พร้อมนำเสนอและใช้จริงในโครงการ
สิ่งที่ทำให้ลลิลแตกต่างจากโครงการบ้านอื่น ๆ คือ นวัตกรรม ในเรื่องนี้ ชูรัชฏ์ เล่าว่า ลลิลมีการจัดประกวดนวัตกรรมทุกปีและทำมาหลายปีแล้ว โดยทีมก่อสร้างและทีมตลาดจะนำนวัตกรรมมานำเสนอเพื่อปรับใช้ในโครงการ ซึ่งเป็น New Things องค์กรสนับสนุนเรื่องนี้ เมื่อเทรนด์สิ่งแวดล้อมมา นวัตกรรมประเภทนี้เข้ามา เพราะฉะนั้นเราจึงมีนวัตกรรมตลอดเวลา
“เราต้องทำจริง ไม่ใช่ทำเพื่อภาพลักษณ์ เรา Keep in Mind ว่าเป็นเป้าหมาย พวกนี้เราต้องสร้าง Internal Communication เพราะฉะนั้นเราจะต้องปลูกฝังคนทั้งองค์กรให้มองไปในทิศทางเดียวกัน เพราะบริษัทฯ คาดหวังว่าคนทั้ง 600 คนในองค์กร ทุกคนเป็น Brand Ambassador องค์กร ทุกคนถ่ายทอดสิ่งที่องค์กรคาดหวังต่อไปได้ว่าเรื่องนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญ เราทำอันนี้ หนึ่ง สอง สาม ในวันที่พนักงานเข้ามาใหม่ๆ เราจะฝึกอบรมให้ทราบว่า เราทำอะไรเกี่ยวกับ ESG เขาจะได้รู้ว่าบริษัทฯ เราอินเทรนด์ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ เรื่องนี้ต้องช่วยกันทำ มิฉะนั้นจะไม่สัมฤทธิ์ผล”
วางเป้าหมายเป็นแบรนด์บ้านรักษ์โลกอันดับต้นที่ผู้บริโภคนึกถึง
ชูรัชฏ์ กล่าวว่า ลลิลไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นองค์กร ESG เต็มรูปแบบในปีใด เพราะมีสิ่งใหม่ๆ นวัตกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา มิฉะนั้นเราจะหยุดพัฒนา แต่บริษัทฯ คาดหวังว่าจะไม่หยุดพัฒนา และมีนวัตกรรมอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันเรามีจุดมุ่งหมายว่าเมื่อนึกถึงบ้านคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เราจะเป็นแบรนด์อันดับต้นที่ผู้บริโภคนึกถึง ซึ่งเป็นโจทย์ของบริษัทฯ ทั้ง Internal Communication และ External Communication ว่าทำอย่างไรให้ลูกค้าตระหนักรู้ว่าถ้าเขาอยู่บ้านลลิล เขามีส่วนร่วมช่วยลดโลกร้อน สิ่งแวดล้อม เป็นโจทย์ที่นอกจากทำก็สื่อสารออกไป นอกจากเรื่องดีไซน์ที่เป็น Material
“เป็นเรื่องทั่วไปที่เราใส่ใจสิ่งแวดล้อม เราไม่ได้คิดว่าจะทำสิ่งนี้เพื่อการตลาด แต่ทำเพื่อ Sustainable Living ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้า เพราะปัญหาโลกร้อนเราฟังมาตลอด 5 ปี ทีมงานคิดว่าเราในฐานะคนหนึ่งที่อยู่บนโลกนี้ เราจะช่วยโลกอย่างไร โจทย์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Waste ต่างๆ ในโครงการ ทุกอย่างพยายามลดลงให้ได้มากที่สุด เหล็กในโครงการ ออกแบบสำเร็จรูป ใช้หน้างานได้พอดี ไม่ต้องมาตัดให้เหลือ Waste เยอะแยะ ทุกๆ Element ทำอย่างไร เราจะอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ใช้ Global Result อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด (Efficiency) เป็นโจทย์ให้ทีมงาน มีหัวเรือธง มีเทรนด์มา เราต้องไว รู้ว่าอะไรเป็นจุดหลักที่เราต้องเอามาปรับปรุงสินค้าให้ตอบโจทย์กับลูกค้าและเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง ตลอดระยะเวลา38ปี เราใส่ใจคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้า (Quality of Living) และความคุ้มค่าที่ให้ในแต่ละช่วง เอา Element มาใส่ เช่นในเรื่องสิ่งแวดล้อม Hygienic มาเติมเต็มกับ Quality of Living ที่เราขาย” ชูรัชฏ์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย