PTG เปิดแผนทรานฟอร์มธุรกิจจาก Oil -Non-oil เป็นธุรกิจ “Co-Created Ecosystem” หนุนให้ธุรกิจ Non-oil กำไร เพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี’69


บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด มหาชน (PTG) เปิดแผนทรานฟอร์มธุรกิจจาก Oil และ Non-oil เป็นธุรกิจ “Co-Created Ecosystem” มุ่ง 8 ธุรกิจหลัก ซึ่งเป็น“เมกะเทรนด์” ของโลกในอนาคต และช่วยสนับสนุนให้กำไรจากธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี พ.ศ.2569 ส่งเสริมให้ธุรกิจเดิมของ “PT” แข็งแรงขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน

พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด มหาชน (PTG) กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนดำเนินธุรกิจจากนี้ 5 ปีชัดเจนในการทรานสฟอร์มธุรกิจจาก Oil – Non oil เป็นธุรกิจ Co-Create Ecosystem เพื่อเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกด้านของช่วงชีวิตและให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยจะมุ่งดำเนินธุรกิจใน 8 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจน้ำมันและแก๊ส 2.ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 3.ธุรกิจ Retail แบบที่เป็น Offline to Online 4.ธุรกิจขับเคลื่อนยานยนต์โลจิสติกส์และซัพพลายเชน 5.ธุรกิจซ่อมบำรุง 6.ธุรกิจสุขภาพ ทั้งกายและใจ เพื่อรองรับสังคมสูงวัย 7.ธุรกิจ Digital Platform ทั้งการเงินและ Lifestyle และ8.พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้เป็น“เมกะเทรนด์” ของโลกในอนาคต และเป็นธุรกิจที่จะสนับสนุนให้กำไรจากธุรกิจ Non-oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี พ.ศ.2569 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเดิมของ “PT” แข็งแรงขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับลูกค้าของบริษัทฯ ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผ่านการใช้สินค้าและบริการภายใต้เครือข่ายของพีทีทั้งพันธมิตรจากภายในและภายนอก ภายใต้รูปแบบการบริหารสร้างเครือข่าย Co-Created Ecosystem อย่างเป็นระบบร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยคาดหว่าจะสามารถสร้าง Touch Point ให้เพิ่มขึ้นเป็น 268,202 Touch Point ได้ แบ่งเป็น Oil 2,694 Touch Point และ Non-oil 265,508 Touch Point จากปีพ.ศ.2564 ที่มี Touch Point ซึ่งเป็น Oil 2,114 จุด มาทั้งจาก Offline to Online และ Touch Point อื่นๆ เช่น พาทัวร์ 200,000 Touch Point และคาดว่าจะมีร้านค้าโชห่วย ที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตร 60,000 ร้านค้า ร้านกาแฟจะมี 3,000 สาขา รวมถึง Platform Partners ต่างๆ และจะมีการ Redeem แต้มสูงถึง 10,000 ล้านแต้ม และมีจำนวนสมาชิก 30 ล้านสมาชิก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเป็นผู้ใช้งานบนออนไลน์ 25%

“โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับธุรกิจ Non-oil ปีละประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท และจะขยายผ่านสาขาและ Touchpoint รวมถึงร่วมกับพาร์ทเนอร์หรือร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆหรือการเข้าลงทุนในบริษัท Startup ต่างๆโดยทุกธุรกิจทั้งหมดจะดำเนินการภายใต้ Max World ซึ่งมีสมาชิกกว่า 17 ล้านคนในปี พ.ศ.2564 เพิ่มจากปี พ.ศ.2563 อยู่ที่ 14.5 ล้านคน และปี พ.ศ.2565 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านคน” พิทักษ์ กล่าว

พิทักษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ PTG วางแผนที่จะทรานฟอร์มไปสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้ามาใช้บริการ รวมถึงช่วยเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ประกอบด้วย บริการทางด้านการเงิน เช่นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-wallet, Lending), Auto Insurance และ Lifestyle App เช่น พาทัวร์ และในอนาคต PTGไม่ได้ทำธุรกิจเฉพาะในประเทศเท่านั้นแต่จะขยายธุรกิจไปต่างประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม เป็นต้น เพื่อก้าวสู่การเป็น Global Company ในที่สุด

ในส่วนการเตรียมแผนรุกธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) นั้น จะดำเนินการร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติ 2 บริษัท จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท แมกซ์บิท ดิจิทัล แอสเซท จำกัด โดย PTG จะถือหุ้นในสัดส่วน 35% ปัจจุบันอยู่ระหว่างวางแผนงานและหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปี พ.ศ.2565 นี้ ซึ่งหากทำได้ตามแผนการดำเนินธุรกิจก็จะช่วยให้ธุรกิจใหม่นี้ช่วยเพิ่มกำไรให้ธุรกิจ Non-oil ในอนาคตด้วย

สำหรับธุรกิจก๊าซ LPG บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการจำหน่าย เติบโต 50-60% ตามแผนการขยายสาขา Gas Shops อีก 80 สาขา จากปี พ.ศ.2564 มีอยู่ 178 สาขา รวมทั้งขยาย Kiosk Shops อีก 100 สาขา จากปี พ.ศ.2564 มีอยู่ 443 สาขา และขยายเพิ่มโรงบรรจุก๊าซ อีก 20 สาขา จากปี พ.ศ.2564 มีสาขาอยู่ 20 สาขา รวมถึงการขยายไปสู่ธุรกิจการซ่อมถัง ผลิตถัง และขยายตลาดใหม่ๆ ไปในกลุ่มภูมิภาคนี้ และจะการออกถังใหม่ (New SKU) ภายในเดือน เมษายน พ.ศ. 2565 นี้ด้วย

สำหรับการนำธุรกิจก๊าซ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) เพื่อนำเงินระดมทุนมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนนั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี พ.ศ.2565 นี้

นอกจากนี้ บริษัท แมกซ์เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ จะเป็นกลไกขับเคลื่อนการลงทุนในระยะกลางและยาว ด้วยการเข้าไปลงทุนในโปรเจ็กต์ต่าง ๆ เช่น Nex Pharma, Pavitree พาทัวร์ และลงทุนใน 360Truck ซึ่งเป็น Platform สำหรับ Match รถบรรทุกที่ว่างกับผู้ที่ต้องการว่าจ้างงาน

“เรามองถึงการเติบโตของ Platform นี้ จะทำให้ Max World แข็งแรงขึ้นและเป็น Enabler ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆที่กล่าวมาเติบโตขึ้นรวมถึงสร้าง New Business ให้กับบริษัทฯ” พิทักษ์ กล่าว

รังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการทำธุรกิจปี พ.ศ.2565 บริษัทฯ คาดว่าอัตราการเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ก่อนหักดอกเบี้ย (EBITDA) จะอยู่ที่ประมาณ 15-20% โดยคาดว่า ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่คาดว่ายังเติบโต 8-12% จากสิ้นปี พ.ศ.2564 ปริมาณจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 5,020 ล้านลิตร อัตราการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG 50-60% ส่วน Non-Oil ยังคงมุ่งมั่นในการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพราะ ถือเป็น 1 ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่สำคัญของบริษัทฯ โดยคาดว่ารายได้ธุรกิจ Non-oil จะเติบโตขึ้น 80-90% คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ในการลงทุนขยายสาขาจะแบ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันและก๊าซ LPG 80-100 สาขา Non-Oil Touchpoint ประมาณ 1,572 สาขา และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Non-oil ให้เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ

ส่วนการขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้านั้นยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ในปี พ.ศ.2565 ให้ได้ 35 แห่ง จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 17 แห่ง ส่วนแผนขยายสถานีบริการน้ำมันคาดจะเพิ่มอีก 80-120 สาขาในพื้นที่สำคัญๆ ที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว เป็นต้น

ด้านการคืนกำไรสู่สังคมและรับผิดชอบต่อสังคมผ่านโครงการต่างๆของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯยังเตรียมงบลงทุนในกิจกรรมช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง ตั้งงบประมาณไว้ปีละประมาณ 20-30 ล้านบาท และจะดำเนินโครงการให้ได้ไตรมาสละ 1 แห่ง

“จากสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 2 ปีกว่าแล้ว และมาประสบกับสถานการณ์สงคราม รัสเซีย-ยูเครน ที่กำลังเกิดขึ้นทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยิ่งพุ่งสูงขึ้น ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบมีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเดิมคาดการณ์ว่าจะอยู่ในระดับ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ตอนนี้คาดว่าราคาในปี พ.ศ.2565 อาจจะทะลุจากที่คาดการณ์ไว้มากอาจไปถึง 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับค่าครองชีพของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องรอฟังมาตรการภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้บริโภคน้ำมันต่อไป” พิทักษ์ กล่าวทิ้งท้าย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save