พลังงานแจง “โรงไฟฟ้าชุมชน” อยู่ในขั้นตอนพิจารณา เน้นต้องรอบคอบ เพื่อสร้างรายได้วิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรในระยะยาว


พลังงานแจงโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเป็นโครงการระยะนำร่องที่ร่วมกันหลายภาคส่วน เพื่อสร้างรายได้วิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรในระยะยาว ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การดำเนินการต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง หากให้วิสาหกิจชุมชนเป็นเจ้าของเองจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงต้องค่อยเป็นค่อยไป

16 กุมภาพันธ์ 2566  – นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน ชี้แจงกรณีที่มีประเด็นการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากเป็นโครงการซึ่งเป็นระยะนำร่องที่ร่วมกันหลายภาคส่วน โดยภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้า ส่วนวิสาหกิจชุมชนจะเป็นผู้รวบรวมเชื้อเพลิง จากเกษตรกรที่ปลูกพืชพลังงานส่งให้กับโรงไฟฟ้าในรูปแบบ Contract Farming ซึ่งสัดส่วนการถือหุ้นของวิสาหกิจชุมชนร้อยละ 10 นั้นเป็นสัดส่วนในโครงการนำร่อง เนื่องจากเป็นการดำเนินการโรงไฟฟ้าที่ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและเงินลงทุนค่อนข้างสูง หากให้วิสาหกิจชุมชนเป็นเจ้าของเองจะต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงต้องค่อยเป็นค่อยไปโดยในระยะเริ่มแรกให้วิสาหกิจถือหุ้นในสัดส่วนนี้ไปก่อน แต่หากชุมชนมีความพร้อมในอนาคตสามารถถือหุ้นเพิ่มเติมตามความตกลงระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยมิได้เป็นข้อจำกัดแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ภายใต้รูปแบบการบริหารของโรงไฟฟ้าชุมชน วิสาหกิจฯ จะมีรายได้แน่นอนสม่ำทุกวัน และเกษตรกรมีรายได้จากการขายเชื้อเพลิงพืชพลังงานให้โรงไฟฟ้าในสัดส่วนร้อยละ 80 ของปริมาณเชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้าใช้ทั้งหมด อีกทั้งยังจะมีรายได้หรือผลประโยชน์เพิ่มเติมอื่นๆ ตามที่ผู้เสนอโครงการหรือภาคเอกชนจะต้องทำความตกลงกับชุมชน เพื่อสามารถนำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค ด้านการรักษาพยาบาล ด้านการศึกษา เป็นต้น

ในภาพรวมโรงไฟฟ้าชุมชนฯ จะช่วยให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 28,000 ล้านบาท เกษตรกรมีรายได้จากการเชื้อเพลิงระยะยาว 20 ปี มูลค่าประมาณ 33,800 ล้านบาท และเกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพกว่า 23,600 อัตรา ลดการย้ายถิ่นฐานของแรงงานและสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ส่วนเรื่องที่มีการระบุว่าต้องมีเงินประกันสัญญา 500 ล้านบาท นั้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากตามระเบียบของโครงการระบุว่า ผู้ยื่นขายไฟฟ้าต้องวางหลักประกัน จำนวน 500 บาทต่อกิโลวัตต์ของปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่เสนอขาย ดังนั้นผู้ยื่นจะต้องวางหลักประกัน 1.5 – 3 ล้านบาทต่อโครงการ เท่านั้น

“กระทรวงพลังงานขอให้มั่นใจได้ว่า โรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากโครงการนำร่องนี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ พิจารณาประเด็นให้ครบถ้วนรอบด้านมากที่สุด เพราะเกี่ยวพันกับรายได้และผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรในระยะยาว ทั้งนี้ เหตุล่าช้าในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากมีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบและพิจารณาอย่างครบถ้วนแล้ว โดยพบว่าไม่ปรากฏพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหา และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเตรียมลงนามสัญญาระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกับผู้เข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนต่อไป” โฆษกกระทรวงพลังงานกล่าว


ที่มา: กระทรวงพลังงาน


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save