ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ เดินหน้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างต่อเนื่องในโครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นมลพิษทางอากาศ และทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมาได้ส่งมอบกล้าไม้กว่า 157,050 ต้น เพื่อใช้สำหรับโครงการต่างๆ ซึ่งสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมไปได้มากกว่า 3,467 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” ไม่เพียงแต่ส่งเสริมในด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม ด้วยการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ส่งเสริมการเพาะกล้าไม้ การอนุบาลกล้าไม้ โดยให้การสนับสนุนงบประมาณให้กับชุมชนในการเพาะกล้าไม้ เมื่อกล้าไม้พร้อมที่ลงปลูก จะดำเนินการส่งมอบให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน รวมถึงสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น วัด โบสถ์ เพื่อกระจายกล้าไม้ไปปลูกเพื่อทำประโยชน์ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการป่าล้อมวัดโคก หนอง นา, สระน้ำไร่นาฯ ในแปลงพื้นที่ของเกษตรกร
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บมจ.ซีพี ออลล์ มีเป้าหมายที่สอดคล้องกับนโยบายของ ESG ซึ่งในมิติของด้านสิ่งแวดล้อม โครงการ “ปลูกป่า ปลูกอนาคต” มีเป้าหมายคือปลูกไม้ยืนต้นเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว และช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกให้กับพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ จากแนวคิด CP ALL Planting Model ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของโครงการผ่านกระบวนการจัดการแบบห่วงโซ่คุณค่า (Supply chain values) ตามหลัก 3 ประโยชน์ของเครือเจริญ โภคภัณฑ์ สร้างอาชีพ สร้างการหมุนเวียนรายได้ สร้างองค์ความรู้ ปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติ ให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษา และประชาชน ผ่านการสร้างพื้นที่สีเขียวจากคนภายในชุมชนเพื่อชุมชนของตนเอง สำหรับโครงการในปีที่ผ่านมา นับว่าได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ต้นไม้ของเราในปีนี้ได้จากแหล่งศูนย์เพาะพันธุ์กล้าไม้จำนวน 4 แห่งและชุมชนกว่า 200 ครัวเรือน ซึ่งเราส่งกล้าไม้ไปยังโครงการต่างๆในหลากหลายพื้นที่ ติดตามและดูแลรักษาต้นไม้มาอย่างต่อเนื่อง โดยวัดค่าการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมได้มากกว่า 3,467 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ด้วยนโยบาย 7 GO GREEN ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ซีพี ออลล์ มีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้ทั้งสิ้น 1 ล้านต้น ภายในปี 2568 โดยเริ่มดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ ตั้งแต่ปี 2563 ดำเนินการปลูกไปแล้วกว่า 3 แสนต้น โดยในปี2566 มีเป้าหมายที่จะปลูกต้นไม้อีกกว่า 180,000 ต้น จากแหล่งเพาะพันธุ์กล้าไม้ในชุมชน วัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย พร้อมกับขยายชุมชนต้นน้ำเพาะกล้าไม้ไปอีกกว่า 14 แห่งทั่วทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และเมื่อชุมชนมีความพร้อมจะสนับสนุนยกระดับเป็นวิสาหกิจชุมชนต่อไป เพื่อกระจายรายได้ สร้างอาชีพเสริมให้กับคนในชุมชนอย่างมั่นคง และต้นไม้จะส่งต่อไปยังโครงการต่างๆ ทั้งนี้จะเก็บข้อมูลในการปลูกและดูแลต้นไม้ให้เติบโตเพื่อใช้งานตามหลักประโยชน์ 4 อย่างอันได้แก่ พอกิน พอใช้ พออยู่ และพอร่มเย็นซึ่งรวมถึงการช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกไปพร้อมๆกัน ด้วยปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์ และแบ่งปันโอกาสต่อกัน”