บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำปีพ.ศ.2565 ยังสามารถเติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้รวม มีจำนวน 81,788.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 84.4 เมื่อเทียบกับปี 2564 กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัด (EBITDA) จำนวนเงิน 12,811.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 และมีกำไรส่วนของบริษัทฯ เป็นจำนวน 5,782.07 ล้านบาท ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจัดสรรเงินปันผลเป็นเงินจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็น 1.60 บาทต่อหุ้น โดยจะนำเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2566
![](https://www.greennetworkthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/ratch2-300x223.jpg)
ชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2565 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ซึ่งเติบโตถึง 12,000 ล้านบาท บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ธุรกิจผลิตไฟฟ้ายังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก ในปี พ.ศ. 2565 บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเรียวในอินโดนีเซียและโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช ระยองในประเทศไทย รวมทั้งการลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน-1 อินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าสหโคเจน (ชลบุรี) ด้วย
“ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้ากลุ่มบริษัทโดยส่วนใหญ่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นตามราคาตลาดโลก อย่างไรก็ดีบริษัทได้ให้ความสำคัญกับการบริหารทางการเงิน ให้ต้นทุนอยู่ในระดับเหมาะสมและการจัดหาเงินทุนให้เพียงพอและทันการณ์กับการขยายการลงทุนของบริษัท ปัจจุบันสถานะทางการเงินของบริษัทจัดอยู่ในระดับที่มั่นคงและแข็งแกร่ง ในปี พ.ศ. 2565 สินทรัพย์รวมของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 229,578.28 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ระดับ 1.90 เท่า และหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1.14 เท่า ที่สำคัญ บริษัทยังมุ่งเน้นรักษาอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นให้มีความยั่งยืน โดยในปีนี้คณะกรรมการบริษัทมีมติให้จัดสรรเงินปันผลจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 3,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60.19 ของกำไรสุทธิประจำปี พ.ศ. 2565 ซึ่งบริษัทจะได้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี พ.ศ. 2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2565 นี้” ชูศรี กล่าว
เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปีพ.ศ. 2565 (งวดเดือนมกราคม-มิถุนายน พ.ศ. 2565) แล้ว จำนวนหุ้นละ 0.80 บาท จึงคงเหลือเงินปันผลจ่ายอีก จำนวน 0.80 บาทต่อหุ้น