กฟผ. ใช้เครื่องกังหันก๊าซจีอี 9HA.02 เดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นครั้งแรกในไทย สะท้อนความสันพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา


กรุงเทพฯ  ประเทศไทย  : อกอัครราชทูตโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวแสดงความชื่นชมต่อความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในพิธีเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าบางปะกงชุดที่ 1 และ 2 ของ กฟผ. โดยมี บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และราเมซ สิงการาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจพลังงานก๊าซประจำภูมิภาคเอเชีย จีอี เข้าร่วมในพิธี  

กฟผ. ใช้เครื่องกังหันก๊าซจีอี  9HA.02 เดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นครั้งแรกในไทย
เอกอัครราชทูตโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (กลาง) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พร้อมด้วย บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร (ซ้าย) ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และราเมซ สิงการาม (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจพลังงานก๊าซประจำภูมิภาคเอเชีย จีอี ร่วมในพิธีเปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าบางปะกงชุดที่ 1 และ 2 ของ กฟผ

โรงไฟฟ้าบางปะกงชุดที่ 1 และ 2 ได้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว หลังจากประกาศเดินเครื่องเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งการพัฒนาในครั้งนี้ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมใหม่สองชุด ที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง และขับเคลื่อนด้วยกังหันก๊าซ 9HA ของจีอี (NYSE: GE) โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มประสิทธิภาพและลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน ทั้งนี้โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้กังหันก๊าซรุ่น 9HA จะมีความสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าทั่วโลกที่ผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินได้โดยเฉลี่ย 60% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าทั่วโลกที่ใช้ก๊าซผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 25%

เอกอัครราชทูตโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย กล่าวว่า

ผมขอแสดงความยินดีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่การเปิดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 1 และ 2 ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ การพัฒนาโรงไฟฟ้าบางปะกงไปสู่ความก้าวหน้าและทันสมัยในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือด้านวิศวกรรมระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมในหลายระดับ

เป้าหมายเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะส่งผลดีต่อโรงไฟฟ้าบางปะกง รวมทั้งประเทศไทยซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศให้เป็นกลางภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608) ตามลำดับ โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง ซึ่งใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีของจีอีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญนี้ ยังเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งโครงการความร่วมมือใหม่ๆ เพื่อเร่งการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

“ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกาเห็นพ้องกันในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เราได้เรียนเชิญประเทศไทยให้เข้าร่วมข้อเสนอข้อริเริ่ม “Net Zero World Initiative”  ซึ่งเป็นข้อเสนอความร่วมมือที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งความเชี่ยวชาญของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา องค์กรการกุศล และประเทศพันธมิตรต่างๆ จะเอื้อประโยชน์ต่อการเร่งเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้” เอกอัครราชทูตโกเดค กล่าว

กฟผ. ใช้เครื่องกังหันก๊าซจีอี  9HA.02 เดินเครื่องโรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นครั้งแรกในไทย

การพัฒนาโรงไฟฟ้าบางปะกงในครั้งนี้ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม 5 ชุด ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันเตา เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมใหม่สองชุดนี้ ขับเคลื่อนด้วยกังหันก๊าซ 9HA ของจีอี ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นกังหันก๊าซที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในโลก ปัจจุบันมีการใช้งานทั่วโลกกว่า 75 เครื่อง รวมกำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 42 กิกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าบางปะกงของ กฟผ. นับเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้กังหันก๊าซและเทคโนโลยี 9HA ซึ่งได้รับการยอมรับและเคยได้รับรางวัลมาแล้ว

บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่าโครงการนี้ตอบสนองเป้าหมายการดำเนินงานของ กฟผ. ในการพัฒนาประสิทธิภาพและความมั่นคงของการผลิตไฟฟ้า ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ และลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า ด้วยการทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม ด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ปลดระวางโรงไฟฟ้าที่ปลดระวางจากการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน และมีประสิทธิภาพที่ต่ำกว่า และทดแทนด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อลดการปล่อยก๊าซ เสริมความมั่นคง และสร้างความยืดหยุ่นให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ ภายในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2065

ด้านราเมซ สิงการาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจพลังงานก๊าซประจำภูมิภาคเอเชีย จีอี กล่าวว่า เราภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ กฟผ. มาอย่างยาวนานกว่า 40 ปีที่ผ่านมา และจะสานสัมพันธ์นี้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบนรากฐานของความไว้วางใจและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด การฉลองการเปิดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกงในวันนี้ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้กังหันก๊าซ 9HA.02 แห่งแรก และใหญ่ที่สุดของจีอีในประเทศไทย นับเป็นอีกก้าวสำคัญในความสัมพันธ์ของเรา ผมเห็นคุณค่าในการมุ่งมั่นร่วมมือกับ กฟผ. ต่อไป เพื่อช่วยให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในเอเชีย

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมใหม่สองชุดนี้ ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 1,400 เมกะวัตต์ เทียบเท่ากับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประมาณ 3 ล้านครัวเรือนในประเทศไทย นอกจากกังหันก๊าซรุ่น 9HA.02 แล้ว ยังมีการติดตั้งกังหันไอน้ำ STF-A650 ที่ล้ำหน้า 2 เครื่อง และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า W86 จำนวน 2 เครื่อง และจีอียังได้ลงนามสัญญาระยะยาวกับ กฟผ. ในการให้บริการด้านอะไหล่และซ่อมบำรุงให้กับโรงไฟฟ้าบางปะกงอีกด้วย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save