สถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเลิกกิจการ และปรับตัวอย่างหนักหน่วง กรีน แอนด์ ออแกนิค ก็เช่นกัน ได้ปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจแห่งอนาคตที่เติบโตได้อีกมาก ด้วยประเทศไทยเข้ากลุ่มสังคมผู้สูงอายุ และปริมาณคนป่วยด้วยโรคที่มีต้นเหตุจากพฤติกรรมการบริโภค มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ชลกานต์ วิสุทธิพิทักษ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรีน แอนด์ ออแกนิค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้คัดเลือกการทำธุรกิจจากเทรนด์ธุรกิจที่มีอนาคตใน 2 อุตสาหกรรมหลักคือ เกษตรและสุขภาพ ซึ่งจากการทำวิจัยของบริษัทฯ ผู้บริโภคชี้ทางให้เราเห็นว่า โอกาสในกลุ่มอาหารคนป่วยที่พักอยู่บ้านและผู้สูงอายุยังมีอีกมาก เนื่องจากผู้ดูแลหรือตัวผู้ป่วยเอง มีความเหนื่อยล้าจากการทำอาหารเองให้ถูกโภชนาการและเหมาะสมกับสภาวะร่างกายทั้งวัยและความเจ็บป่วย
โดยทั่วไปอาหารผู้ป่วยที่ถูกหลักตามตำรารสชาติไม่อร่อย และที่รสขาติอร่อยมักจะไม่ถูกตาทหลักโภชนาการ ซึ่งนักโภชนาการรู้วิชาการแต่ทำอาหารไม่เป็น เชฟทำอาหารเป็นแต่ไม่เข้าใจโภชนาการเชิงลึก ดังนั้นคนทั่วไปจะทำอาหารคนป่วยให้อร่อย ยิ่งเป็นไปได้ยาก จึงเป็นจุด Paint Point ของผู้ป่วยและผู้ดูแล ที่ข้อจำกัดด้านการกินมีมากมาย
“เราคือจุดเชื่อมโยง ที่มีทีมนักกำหนดอาหาร นักโภชนาการ และเชฟ ทำงานร่วมกัน จึงได้อาหารผู้ป่วยที่อร่อย ถูกหลักโภชนาการตรงแต่ละโรค ส่งผลให้ผู้ป่วยฟื้นฟูได้เร็ว เป็นอาหารเฉพาะโรคที่พร้อมทานได้เลย โดยแจ้งข้อมูลว่าป่วยโรคอะไร ส่งผลเลือดให้เราดู และข้อมูลส่วนตัว เรามีทีมนักโภชนาการ ดูแลจัดโปรแกรมอาหารให้เลย” ชลกานต์ กล่าว
ด้านปัทมา เอี่ยมสะอาด นักโภชนาการประจำร้าน กรีน แอนด์ ออแกนิค กล่าวเสริมว่า รูปแบบการให้บริการของกรีน แอนด์ ออแกนิค เป็นแบบเดียวกันกับโรงพยาบาล ตั้งแต่ประเมินสภาวะผู้ป่วย จากการโทรสัมภาษณ์ อ่านผลเลือดรายคนเพื่อวิเคราะห์และออกแบบโปรแกรมโภชนาการ ให้ตรงความต้องการแต่ละคน ตรวจสอบคุณภาพอาหาร และติดตามประเมินผลผู้ป่วย” กรีน แอนด์ ออแกนิค มีนักกำหนดอาหารวิชาชีพ หัวหน้ากลุ่มงานโภชนศาสตร์ ที่ได้รางวัลมาตราฐานครัวโรงพยาบาลของประเทศหลายปีซ้อน มาช่วยวางระบบให้ทั้งหมดตั้งแต่แรก
“การที่เราทำงานเหมือนโรงพยาบาล เราติดตามผลลัพธ์ผู้ป่วยเป็นประจำ มีคำแนะนำตลอดโปรแกรม เรียกว่าเป็นบริการนักโภชนาการส่วนตัว ที่ลูกค้าก็ชอบ เพราะข้อจำกัดการทานของแต่ละโรคไม่เหมือนกัน เมื่อเขามีคำถามด้านอาหารการกิน เขารู้ว่าจะถามใครได้ ที่รู้จริงและไว้ใจได้” ปัทมา กล่าว
จากสถิติปี 2565 คนไทยเป็นโรคไตเสื่อมกว่า 11 ล้านคน และเข้ารับการฟอกไตแล้วกว่า 1 แสนคน แต่ไม่มีอาหารที่ทำออกมารองรับผู้ป่วยโรคนี้โดยเฉพาะเลย เพราะเป็นโรคที่มีการจัดโภชนาการได้ยากที่สุด มีข้อจำกัดมากมายในแต่ละคน ไม่นับรวมถึงโรคแทรกซ้อนร่วม คนทั่วไป ที่มีความรู้ไม่เพียงพอ จะไม่สามารถลองผิดลองถูกกับการทำอาหารให้ผู้ป่วยได้
กรีน แอนด์ ออแกนิค ได้นำทีมนักกำหนดอาหาร นักโภชนาการและเชฟ ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ประสบการณ์จาก Case จำนวนมาก จนได้สูตรสำเร็จว่า อาหารทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยได้เร็ว และเห็นผลได้จริงในเวลา 1เดือน พิสูจน์ได้จากการตรวจเลือด
ชลกานต์ กล่าวว่า ร้านเปิดมาเพียง 8 เดือน มีลูกค้ากว่า 300 ราย ส่งอาหารไปแล้วกว่า 15,000 กล่อง โดยมีบริการสั่งทานเป็นรายครั้งได้ทางเดลิเวอรี่ Grab, Lineman, Robinhood และมีผูกปิ่นโต สั่งรายเดือน โดยจัดโภชนาการรายคนบริการส่งถึงบ้าน ทั้งกรุงเทพ (อาหารสด) และทั่วประเทศ (อาหารแช่แข็ง เกรดผู้ป่วย)
นอกจากอาหารแล้ว เราได้แตกไลน์สินค้าไปที่ขนมสำหรับผู้ป่วยไต เบาหวาน รวมถึงเครื่องปรุง น้ำจิ้มต่างๆ สูตรโซเดียมต่ำ ที่คืนความสุขให้มื้ออาหารของผู้ป่วยกลับมาอีกครั้ง
“เรามีแผนจะขยายเป็นแฟรนไชส์ เป็นร้านอาหารเฉพาะโรคในชุมชน ส่งไปบ้านคุณ มีนักโภชนาการประจำร้าน ที่คอยดูแลคุณ สามารถแวะมาคุยขอคำแนะนำได้ นอกจากนั้น เราเริ่มขยายเข้าสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างโรงพยาบาล ที่ให้เราช่วยดูแลอาหารผู้ป่วยเมื่อเขากลับไปพักฟื้นที่บ้าน รวมถึงส่งอาหารให้ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และ Wellness ต่างๆ ไม่นับรวมถึง อาหารแช่แข็ง ขนมและเครื่องปรุงสูตรพิเศษ ที่ผู้ป่วยทานได้ เป็นธุรกิจที่เติบโตขยายไปได้อีกมาก” ชลกานต์ กล่าวทิ้งท้าย