บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “โคคา-โคล่า” ใน 14 จังหวัดภาคใต้ เปิดโรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดสายการผลิตขวดแก้วใหม่ที่ทันสมัย ผสานนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐานระดับโลกของ “โคคา-โคล่า” มุ่งสู่ผู้นำอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคใต้ ด้วยยอดขายและกำไรอย่างต่อเนื่อง
HTC ก่อตั้งในปี 2512 ปัจจุบัน หาดทิพย์มีโรงงานสองแห่งคือ โรงงานหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และโรงงานพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพนักงานมากกว่า 2,000 คน ในสาขา 19 แห่งที่ครอบคลุมทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ มีตัวแทนมากกว่า 46,000 Outlets รถบรรทุกมากกว่า 2,000 คัน และรถหัวลากมากกว่า 60 คัน
ชูศักยภาพโรงงานผลิตระดับโลก
พร้อมสายการผลิตขวดแก้วอันทันสมัย
จอห์น เบเนเดตตี รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส – ซัพพลายเชน บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำตลาดเครื่องดื่มแบบไม่มีแอลกอฮอล์ของภาคใต้มากว่า 55 ปี หาดทิพย์เดินหน้ายกระดับกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวล้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผสานความยั่งยืนในกระบวนการผลิต เช่น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ และการใช้พลังงานสะอาด โดยโรงงานพุนพิน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 315 ไร่ เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2556 เพื่อรองรับการขยายตัวทางธุรกิจและให้บริการผู้บริโภคในภาคใต้ตอนบนได้ดียิ่งขึ้น ภายในโรงงานประกอบด้วยสายการผลิตที่ทันสมัยจำนวน 6 สาย ซึ่งได้มาตรฐานระดับโลกของ “โคคา-โคล่า” และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล ของสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย แบ่งเป็นสายการผลิตเดิม 4 สาย และสายการผลิตอาคารใหม่ 2 สาย กำลังการผลิตเครื่องดื่มขวดพลาสติก 75 ล้านขวด/ปี เครื่องดื่มประเภทแคน 18 ล้านลัง/ปี เครื่องดื่มขวดแก้ว 12 ล้านลัง/ปี และเครื่องดื่มเช้มข้นสำหรับกด (Fountain) 160,000 กล่อง/ปี โดยมีคลังสินค้าพื้นที่ 22,000 ตร.ม.
ล่าสุดได้เปิดสายการผลิตขวดแก้วใหม่ ( RGB) เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สามารถผลิตได้ทั้งขวดแก้วชนิดคืนขวดและไม่คืนขวด ด้วยกำลังการผลิตขวดแก้วสูงสุดถึง 800 ขวดต่อนาที นับเป็นไลน์การผลิตขวดแก้วที่เป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ใช้ระบบ Fully Automated Bottle Inspection -ASEBI ที่มีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตรวจสอบขวดแก้วทุกขวด เพื่อให้มั่นใจว่าสะอาดและไม่มีสิ่งปนเปื้อน และยังสามารถบรรจุน้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้น 230c โดยไม่เกิดฟองสบู่ ช่วยลดการใช้พลังงานในการบรรจุค่อนข้างสูง หลังจากนี้ จะมีการทยอยปรับการผลิตเครื่องดื่มในบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วจากที่โรงงานหาดใหญ่มายังโรงงานพุนพิน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2567 และสามารถผลิตได้เต็มรูปแบบในปี 2568
สายการผลิตขวดแก้วใหม่นี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของหาดทิพย์ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะในช่องทางโรงแรม ร้านอาหาร และภัตตาคารในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งผู้บริโภคนิยมดื่มเครื่องดื่มภายในร้าน อีกทั้งยังเป็นประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่หาดทิพย์มีศักยภาพในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่ง และยังช่วยเสริมความสามารถในการบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในระยะยาวให้ดียิ่งขึ้นด้วย
นอกจากขวดแก้วใหม่แล้ว หาดทิพย์ยังออกแบบลังบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยป้องกันการกระแทก ทำให้ขวดแก้วใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น รวมทั้งใช้ฉลากกระดาษที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอีกด้วย
ด้านกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืนว่า จากการใช้ Dashboard มีการพัฒนามาแล้ว 2 ปี พบว่า 5 อันดับแรกที่ปล่อยคาร์บอน ได้แก่ หลอด Preforms Loquid Sugar ไฟฟ้า เชื้อเพลิง และสายการผลิตเครื่องดื่มประเภทแคน จากการติดตั้ง Cloud Base Energy Monitoring ทำให้ทราบว่าเครื่องจักรใช้ไฟเกินปกติ ลดการใช้ไฟและบริการจัดการใช้ไฟฟ้า
พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์
เพื่อส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
จอห์น เบเนเดตตี กล่าวถึงการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนว่า หาดทิพย์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้บรรจุภัณฑ์หมุนเวียน พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้บริโภค โดยมีการดำเนินงาน ดังนีั้ 1.พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อลดปริมาณและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ โดยตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา หาดทิพย์สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกใหม่ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ลงถึง 911 ตัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 4,078ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 6600ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปี 2568 ลดการใช้อะลูมิเนียม404 ตัน ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 592 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ลดพลาสติกประเภท HDPE ที่ใช้พันลังได้ 354 ตัน สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก752 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และ ล่าสุดสามารถลดน้ำหนักพลาสติกที่ใช้ผลิตฝาขวดน้ำอัดลมจาก 2.45 กรัม เหลือ 1.75 กรัม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการใช้พลาสติกที่ลดลงถึง 28% ลดปริมาณคาร์บอน 2,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งหาดทิพย์ถือเป็นโรงงานรายแรกของโคคา-โคล่าในเอเชียที่สามารถผลิตได้ โดยในปี 2568ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
2.เพิ่มบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน หาดทิพย์ส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์ขวดแก้ว เพื่อลดการใช้พลาสติก และใช้ฉลากกระดาษที่ย่อยสลายได้ นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ “โคคา-โคล่า” ในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติก PET รีไซเคิล หรือ rPET 100% (ไม่รวมฉลากและฝา) ในผลิตภัณฑ์ “โคคา-โคล่า” สูตรออริจินัล และ “โคคา-โคล่า” สูตรไม่มีน้ำตาล ขนาด 1 ลิตร
จัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
โรงงานพุนพินลดการใช้และหมุนเวียนนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำได้ 100% ในการผลิตที่ไม่ใช่ส่วนประกอบของเครื่องดื่ม ได้แก่ 1.ลดการใช้น้ำในการผลิต ปัจจุบันโรงงานพุนพินใช้น้ำ 250 ลบ.ม./ชม คิดเป็น 6,000 ลิตร/ชม. โดยตั้งเป้าลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิต จากปัจจุบัน 1.54 ลิตรต่อหน่วยการผลิต ให้เหลือ 1.39 ลิตรต่อหน่วยการผลิต ภายในปี 2573 ผ่านการดำเนินงานต่าง ๆ เช่น การปรับขนาดหัวฉีดล้างขวดแก้ว การติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น และการติดตั้งระบบล้างรถอัตโนมัติที่ใช้น้ำจากการหมุนเวียน 2.โครงการ UF Recover Backwash โดยเปลี่ยนมาใช้ไส้กรอง Ultrafiltration ซึ่งสามารถนำน้ำสะอาดกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้ถึง 44,513 ลูกบาศก์เมตรต่อปีเมื่อเทียบกับระบบเดิมในปี 2565 ช่วยลดการใช้น้ำในกระบวนการผลิตลงได้ถึง 9%
3. ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียแบบบ่อปรับเสถียรแบบธรรมชาติ บนพื้นที่ 26 ไร่ ซึ่งใช้พลังงานต่ำ โดยใช้แบคทีเรียที่ไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic) ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำเสีย สามารถรองรับน้ำทิ้งประมาณ 20% ซึ่งเพียงพอกับกำลังการผลิตของโรงงาน และมีคุณภาพที่ได้มาตรฐานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งค่า BOD และค่า O2 ในน้ำ ลดการใช้พลังงาน 7 แสน kWh /ปี ลดการปล่อย Co2 ประมาณ 350 ตัน/ปี อีกทั้งยังสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีนก กระรอกและสัตว์ต่างๆ อาศัยอยู่รอบๆ
ตั้งเป้าสู่ Net Zero ภายในปี 2593
มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนตลอดห่วงโซ่อุปทาน
หาดทิพย์ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการใช้พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น 1.เพิ่มการใช้พลังงานสะอาด โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาอาคารผลิต และแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ จำนวนมากกว่า 9,000 แผง ที่โรงงานพุนพิน ซึ่งสามารถผลิตพลังงานทดแทนมาใช้ภายในโรงงานได้ถึง 19% ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 3,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มเติม 2,686 แผงในปีหน้า โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงงานได้ถึง 28% ก่อนสิ้นปี 2568
2.การใช้พลังงานทดแทน เช่น เพิ่มการใช้รถยกไฟฟ้าในคลังสินค้า จำนวน 29 คัน และใช้รถขนส่งที่ใช้เชื้อเพลิง NGV จำนวน 8 คัน นอกจากนี้ โรงงานพุนพินยังติดตั้งหม้อไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิง LPG รวมถึงระบบหมุนเวียนความร้อนกลับมาใช้ใหม่
หาดทิพย์มีการประเมินปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมขององค์กรเป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาการดำเนินงาน และขอการรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขอการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของหน่วยสินค้าจำนวน 83 ประเภท
พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่การพัฒนาชุมชนชาวใต้
ด้านนันทิวัต ธรรมหทัย รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ – องค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคใต้คือบ้านของหาดทิพย์ นอกจากการพัฒนาความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งพัฒนาบุคลากรให้มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว เรายังเดินหน้าพัฒนาชุมชนเพื่อเติบโตเคียงคู่ไปกับพี่น้องชาวใต้ เราเชื่อมั่นว่าความสำเร็จทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินไปพร้อมกัน พนักงานหาดทิพย์ทุกคนจึงภาคภูมิใจที่ได้ส่งมอบความสดชื่นและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชนร่วมกับพี่น้องชาวใต้
พร้อมกันนี้ได้สนับสนุนการนำบรรจุภัณฑ์กลับมาแปรรูปใช้ใหม่ โดยร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดเก็บขวดพลาสติกและกระป๋องเครื่องดื่มที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมทั้งร่วมกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่าง ๆ เช่น ในแคมเปญ “โค้ก” ชวนแยก แลกลุ้นโชค กับ Trash Lucky ในจังหวัดภูเก็ตและสงขลา และโครงการประกวดชั้นวางสินค้าจากวัสดุรียูส รวมถึงจัดโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานจากฝาขวดพลาสติกร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้ผู้บริโภคร่วมลดและแยกขยะอย่างจริงจัง
จากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้หาดทิพย์ได้รับการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน “SET ESG Ratings” ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และเป็น 1 ใน 5 บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในระดับเรตติ้ง AA ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการ ระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” ในโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทยจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประเภทธุรกิจขนาดใหญ่ ระดับดีเด่นปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และปีที่ 4 ในปี 2567อีกด้วย
By สุรีย์พร วงศ์ศรีตระกูล