สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ร่วมกันพัฒนาแนวทางประเมินผลกระทบผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผู้ประกอบการลดผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดต้นทุนในกระบวนการผลิตลงมากที่สุด
นายวิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายฉลากเขียวและฉลากสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของภาครัฐ กล่าวว่า สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนข้อที่ 12 “ความต้องการผลักดันให้เกิดความรับผิดชอบต่อการบริโภคและการผลิต” (SDG 12) และการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว
อีกทัั้งร่วมกันพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทั้ง 2 องค์กรด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ เสริมสร้างความรู้ด้านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ ซึ่งการร่วมกันพัฒนาแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์และประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้กำหนดฉลากสิ่งแวดล้อมจะเป็นประโยชน์ที่ครอบคลุมการลดผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยตามเป้าหมาย SDG 12 ทั้งนี้ การก้าวสู่การผลิตที่ยั่งยืนกับฉลากสิ่งแวดล้อมและการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่ผู้ผลิตทุกผลิตภัณฑ์สามารถช่วยบรรเทาปัญหา ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกระบวนการผลิตได้ ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต บรรจุภัณฑ์ การขนส่ง ช่วงอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และการกำจัดซากของผลิตภัณฑ์นั้นๆในทุกขั้นตอน พร้อมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสภาพแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม จึงเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคสินค้าได้มีส่วนร่วมบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการบริโภคสินค้าและบริการในชีวิตประจำวันได้
ด้าน กฤษดา ประภากร รองผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ผู้แทนศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กล่าวว่า ทีมนักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) ของ MTEC สวทช. จะนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่มีช่วยพัฒนาบุคลากรในการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการประเมินต้นทุนตลอดวัฏจักรชีวิต (LCC) และค่าการหมุนเวียนวัสดุ (MCI) เพื่อให้ได้แนวทางพัฒนาการประเมินและประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์และใช้ในข้อกำหนดฉลากสิ่งแวดล้อม