ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย จับมือ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จัดทำโครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ปี’67 ปลูกฝังเยาวชนเห็นความสำคัญของน้ำ


 กรุงเทพฯ  : บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จํากัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพในประเทศไทยและอินโดไชน่า ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ประกาศความร่วมมือภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 (One Suntory Mizuiku Program 2024) เป็นครั้งแรก เพื่อขยายผลโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของทั้งสองบริษัทฯ มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน ผ่านการจัดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” และ การประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” ประจำปี 2567 ตลอดจนกิจกรรมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้แก่คนในพื้นที่   พร้อมเปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วม

ณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์

ณัฏฐณิชา วรวรรณเศรษฐ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสนับสนุนการบริหารงานในองค์กร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และอินโดไชน่า กล่าวว่า ซันโทรี่ ริเริ่มโครงการ ‘มิซุอิกุ’ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2547 ก่อนจะขยายไปในอีกกว่า 8 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย  โครงการฯ มุ่งส่งเสริมให้คนในประเทศนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม รวมถึงสอนให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของตนเองที่สามารถมีส่วนร่วมอนุรักษ์น้ำได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอและส่งต่อให้คนรุ่นหลังต่อไป ในปีนี้ถือเป็นโอกาสพิเศษ ครบรอบ 20 ปี ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ ‘มิซุอุกิ’   ในประเทศญี่ปุ่น และถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค   ประเทศไทย ที่จะร่วมกันดำเนินโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ประจำปี 2567 เพื่อร่วมกันเสริมสร้างองค์ความรู้และสานต่อกิจกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและมิติทางสังคม

โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 ยังได้รับเกียรติจากภาคีภาครัฐร่วมเป็นพันธมิตร ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังผนึกกำลังกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education Centre) องค์กรที่มุ่งหวังในการส่งเสริมให้สังคมมีความรู้ความเข้าใจต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ร่วมกันขับเคลื่อนพันธกิจในการจุดประกายให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ซึ่งรูปแบบกิจกรรมหลัก ได้แก่

  • กิจกรรม“ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” (Mizuiku Water Hero Camp) คัดเลือกโรงเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ ระยองและชลบุรี รวมทั้งสิ้น 30 โรงเรียน โดยมีแกนนำนักเรียน ตัวแทนคุณครู และพนักงานจิตอาสาจากทั้งสองบริษัทเข้าร่วมกิจกรรมเป็นระยะเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 4 -6 มิถุนายน 2567 ณ จังหวัดระยอง เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เข้าใจวัฏจักรของน้ำ และปัญหาของน้ำที่พบในท้องที่ ส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจําวัน
  • การประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ(Mizuiku Water Model School) โดยหลังจากจบกิจกรรมค่ายฯ ทางโครงการฯ มีเงินสนับสนุนให้โรงเรียนละ 10,000 บาท เพื่อให้เสนอแผนงานและแข่งขันดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในโรงเรียน ให้ครอบคลุม 4 ด้าน คือด้านนโยบาย ด้านบุคลากร ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการขยายผลสู่ชุมชน พร้อมทั้งจัดตั้ง “มิซุอิกุ คลับ” เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ
  • คัดเลือก 1 โรงเรียนต่อจังหวัดเป้าหมาย เป็น “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” เพื่อเดินทางไปดูต้นกำเนิดโครงการ “มิซุอิกุ” ณ ประเทศญี่ปุ่น

วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย

วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เพราะ ‘น้ำ’ คือทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่งต่อทุกชีวิต บริษัทฯ จึงขับเคลื่อนเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการ ‘มิซุอิกุ’ ตั้งแต่ปี 2562  ซึ่งถือเป็นบริษัทลำดับที่สอง ในเครือ ซันโทรี่ กรุ๊ป ที่ดำเนินโครงการ ‘มิซุอิกุ’ นอกประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันเริ่มต้นของโครงการฯ        จนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ความรู้และการลงมือปฏิบัติเป็นห้องเรียนธรรมชาติ

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือ เยาวชน ชุมชน และพนักงานในบริษัทของเรา เพราะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคมหลายหน่วยงานตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาในการส่งมอบองค์ความรู้เรื่องความสำคัญของทรัพยากรน้ำ โดยมีนักเรียนกว่า 20,250 คน จาก 345 โรงเรียน เข้าร่วมโครงการ ‘มิซุอิกุ’

วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมอบเงินทุนให้แก่โรงเรียนเพื่อบูรณาการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียน รวมถึงสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกด้านทรัพยากรน้ำ ผ่านกิจกรรม ‘อนุรักษ์ป่าต้นน้ำ’ อาทิ การสร้างฝาย ปลูกหญ้าแฝก      และฟื้นฟูระบบนิเวศของป่า พร้อมกันนี้เรายังเปิดโอกาสให้พนักงานได้เข้าร่วมกิจกรรมในทุก ๆ ปี จากการปลูกฝังความรู้สู่การลงมือปฏิบัติ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมของซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย

วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ

การประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ(Mizuiku Water Model School)  ซึ่งดำเนินการมา 2 ปี โดยหลังจากจบกิจกรรมค่ายฯ     ทางโครงการฯ มีเงินสนับสนุนให้โรงเรียนละ 10,000 บาท เพื่อให้เสนอแผนงานและแข่งขันดำเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในโรงเรียน ให้ครอบคลุม 4 ด้าน คือด้านนโยบาย ด้านบุคลากร ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านการขยายผลสู่ชุมชน พร้อมทั้งจัดตั้ง “มิซุอิกุ คลับ” เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ

ธีระชุณ บุญสิทธิ์

ธีระชุณ บุญสิทธิ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า  การส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมให้ความรู้และกระตุ้นจิตสำนึกของเยาวชนในการอนุรักษ์น้ำ ถือเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของกรมฯ ด้วย กรมฯ เล็งเห็นว่าเยาวชนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่จะต้องเร่งปลูกฝังและเสริมสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะเยาวชนเป็นอนาคตของชาติและจะมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการดูแลทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานของโครงการ ‘มิซุอิกุ’ ที่ผ่านมา มีความสอดคล้องกับภารกิจดังกล่าวของกรมทรัพยากรน้ำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ในปี 2567 นี้ เราจะยังให้ความร่วมมือและเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการฯ เพื่อร่วมปลูกจิตสำนึกที่ดีในหมู่เยาวชนให้ร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป

วัฒน์ ทาบึงกาฬ

วัฒน์ ทาบึงกาฬ เลขานุการกรม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มีภารกิจในการเสนอแนะและจัดทำนโยบาย แผน และมาตรการ เกี่ยวกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ โดยดำเนินงานภายใต้แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558-2593 ในการสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการ ในการสร้างความตระหนักรู้และเสริมศักยภาพ กรมฯ มีบทบาทในการสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชน ด้านทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนและส่งเสริมแนวทางการดูแลรักษาแม่น้ำคูคลอง ผ่านกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสิ่งแวดล้อมศึกษาและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนสร้างเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาด้านการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำผ่านกิจกรรมมากมาย  ซึ่งเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้การสนับสนุนโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ทั้งในส่วนของข้อมูลและองค์ความรู้ที่สำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินกิจกรรม เพื่อร่วมสร้างพลเมืองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้กับพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ชานัน ติรณะรัต

ด้านดร.ชานัน ติรณะรัต ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่จัดการและควบคุมมลพิษทางน้ำโดยตรง กรมควบคุมมลพิษตระหนักดีว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำแบบองค์รวมจะต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สิ่งแรกที่ควรเน้นย้ำและปลูกฝังคือทัศนคติและองค์ความรู้ของผู้คน โดยเฉพาะกับเยาวชนที่จะเติบโตเป็นพลเมืองของสังคม โดยผ่านกระบวนการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำคัญของน้ำ การอนุรักษ์น้ำในชีวิตประจำวัน โครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ประจำปี 2567 ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจและพัฒนาทักษะของเยาวชนในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับน้ำในโรงเรียนและชุมชนของตน รวมถึงปลูกจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์

อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) กล่าวว่า ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษาให้ความสำคัญกับการทำงานในเรื่องสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติร่วมกับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะพวกเขาคืออนาคตของชาติ  ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ (Mizuiku Water Hero Camp) จะช่วยให้เยาวชนในพื้นที่มีความเข้าใจว่าการดำรงชีวิตของตัวเอง สร้างผลกระทบอะไรให้กับต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการดูแลสิ่งแวดล้อมในสังคมของเยาวชน ซึ่งกิจกรรมค่ายสิ่งแวดล้อมศึกษาเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ ด้วยแนวคิดการเรียนรู้แบบการลงมือทําจริงที่สอดแทรกความสนุกสนาน โดยมีผมเป็นผู้นำกิจกรรม พร้อมด้วยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอีกหลายท่าน ภายใต้คอนเซปต์ “ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา” เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของน้ำในทุกมิติ

ผู้บริหารร่วมเยี่ยมชมผลงานนิทรรศการจากตัวแทนน้องๆ ที่ร่วมกิจกรรมค่ายมิซุอิกุ
ผู้บริหารร่วมเยี่ยมชมผลงานนิทรรศการจากตัวแทนน้องๆ ที่ร่วมกิจกรรมค่ายมิซุอิกุ


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save