RATCH เผยปี’66 ตั้งงบลงทุน 35,000 ล้านบาท จับมือมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจัดการคาร์บอนเครดิตในป่า เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน


บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH แถลงแผนการลงทุนในปี พ.ศ.2566 ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า 29,000 ล้านบาท โดยงบลงทุนดังกล่าวรวมดีล M&A แล้ว ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ไฟฟ้า (Non-Power) อีก 6,000 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ 3S ประกอบด้วย Strength-Synergy-Sustainability ขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในส่วนของเงินลงทุน 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2566-2570 ประมาณ 75,000-100,000 ล้านบาท จะใช้สำหรับลงทุนโครงการทั้งใน และต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ 1) การเติบโตของผลตอบแทน 2) การขยายธุรกิจ Non-Power 3) เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้ได้ 20% ของกำลังการผลิตรวม และ4) พัฒนาการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล เดินหน้าเตรียมความพร้อมสำหรับการประกาศความมุ่งมั่นความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี พ.ศ. 2570

ตั้งเป้าผลการดำเนินงานปี’66 เติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 5% มีเป้าหมาย EBITDA ไม่น้อยกว่า 12,000 ล้านบาท

ชูศรี เกียรติขจรกุล

ชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนในปี พ.ศ.2566 นี้ บริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า 29,000 ล้านบาท โดยงบลงทุนดังกล่าวรวมดีล M&A แล้ว ส่วนที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ไฟฟ้า (Non-power) อีก 6,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่า ผลการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2566 จะเติบโตดีขึ้น โดยบริษัทฯ มีเป้าหมาย EBITDA ไม่น้อยกว่า 12,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 5% ส่วนเงินลงทุน 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2566-2570 ประมาณ 75,000-100,000 ล้านบาท ใช้สำหรับลงทุนโครงการทั้งใน และต่างประเทศ ภายใต้แผนกลยุทธ์ธุรกิจของบริษัทฯ ปี พ.ศ. 2566-2570 จะมุ่งเน้นเป้าหมาย 4 ด้าน ได้แก่ 1) การเติบโตของผลตอบแทน โดยตั้งเป้าหมาย EBITDA เติบโตจาก 12,000 ล้านบาทในปี พ.ศ.2566 เป็น 15,000 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2570 2) การขยายธุรกิจ Non-Power กำหนดเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 5% ในปี พ.ศ.2566 และปี พ.ศ. 2570 ธุรกิจนี้จะสร้างรายได้เข้ามาเสริมให้บริษัทฯ 5% 3) เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนให้ได้ 20% ของกำลังการผลิตรวม และเพิ่มขึ้นมาเป็น 25% ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป และ4) พัฒนาการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลให้ทัดเทียมกับมาตรฐานสากล และเตรียมความพร้อมสำหรับการประกาศความมุ่งมั่นความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี พ.ศ. 2570

ชูกลยุทธ์ 3S Strength-Synergy-Sustainability

ชูกลยุทธ์ 3S Strength-Synergy-Sustainability ขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

สำหรับการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2566 จะยังคงใช้กลยุทธ์ 3S ประกอบด้วย Strength-Synergy-Sustainability ซึ่งมีเป้าหมายที่สอดประสานกันในการสร้างการเติบโตของบริษัทจะใช้กลยุทธ์ S2-Synergy ในการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทฯ ในการแข่งขันและลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ จะใช้บริษัทร่วมทุน เน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี อินเวสเมนท์ (NREI) เป็นกลไกในการเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่แล้วในประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ จำนวน 8 โครงการ กำลังการผลิตรวมประมาณ 843 เมกะวัตต์ ให้สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ให้ได้ตามเป้าหมายตามแผนกำลังการผลิตของบริษัทฯ ซึ่งจะมีกำลังผลิตเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2567 รวม 518.66 เมกะวัตต์ ปี พ.ศ. 2568 เพิ่มขึ้นอีก 918.20 เมกะวัตต์ ปี พ.ศ. 2570 เพิ่มขึ้นอีก 252.77 เมกะวัตต์ และปี พ.ศ. 2573 เพิ่มขึ้น 213 เมกะวัตต์ ตามลำดับ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนากรีนไฮโดรเจน โดยมีแผนจะนำร่องในประเทศออสเตรเลียเป็นแห่งแรก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) จำนวนหลายโครงการทั้งที่เปิดดำเนินการแล้วและก่อสร้างใหม่ ทั้งในประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมทั้งโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ที่บริษัทฯยังได้ยื่นเสนอโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี พ.ศ. 2565-2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง กำลังการผลิตรวม 5,203 เมกะวัตต์ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ ได้ผ่านทางเทคนิคแล้ว 8 โครงการ คิดเป็นกำลังผลิตไฟฟ้า 420 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซลาร์ฟาร์มทั้งหมด ทำให้มั่นใจว่าปี พ.ศ.2566 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เข้ามาเสริมเพิ่มไม่ต่ำกว่า 500 เมกะวัตต์
ในส่วนการยื่นประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมประมาณ 3,668.5 เมกกะวัตต์ของภาครัฐนั้น ทางบริษัทฯ สนใจที่จะยื่นประมูลโซลาร์ฟาร์มและพลังงานลมที่ทางบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญดำเนินธุรกิจ

ผนึกกำลังมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจัดการคาร์บอนเครดิตในป่า คาดมีคาร์บอนเครดิต 3,000-5,000 ตัน เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

ชูศรี กล่าวถึงการสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทฯอย่างต่อเนื่องว่า ในปี พ.ศ.2566 นี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตให้ได้ 30,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เพิ่มกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทนให้ถึง 20% และพัฒนาคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชนอีก 10,000 ไร่ โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้เข้าลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ คาดว่าจะมีปริมาณคาร์บอนเครดิต 3,000-5,000 ตัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่า ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติป่าชุมชน

ธนพงศ์ ดวงมณี

ด้านธนพงศ์ ดวงมณี ผู้อำนวยการด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือกับทางราชกรุ๊ป ในโครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนนี้จะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่รู้จักรักษาป่า มีพื้นที่ไว้ให้ลูกหลานศึกษาป่าชนิดต่างๆทั้งที่หายากและมีมูลค่า รวมทั้งจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติป่าชุมชน และสนับสนุนชุมชนในการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อขอรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างรายได้แก่ชุมชนเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลป่าให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ภาคจังหวัดเชียงรายเท่านั้นที่จะมีนำโครงการฯ ดังกล่าวไปดูแลป่า ดูแลชุมชน ในอนาคตจะขยายโครงการดูแลป่าสู่พื้นที่ในประเทศไทยทุกแห่งให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save