กรุงเทพฯ, –11 เมษายน 2566 : บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมระดับสากลในเครือ สิงห์ เอสเตท ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำพาโรงแรมจากประเทศไทยและมัลดีฟส์ ได้แก่ ทราย ลากูน่า ภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village) สันติบุรี เกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) และ โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) คว้าการรับรองจาก Green GlobeTM ประกาศนียบัตรด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับสากล โดยเป็นมาตราฐานที่ได้รับการยอมรับจากสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก (Global Sustainable Tourism Council) และองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UN World Tourism Organisation – UNWTO)
ความมุ่งมั่นของ SHR สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาอย่างยั่งยืนของ สิงห์ เอสเตท ด้าน ESG ทั้ง 3 มิติ ได้แก่ การดำเนินกิจการ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน การดูแลรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมสังคมยกระดับเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่น โดยได้นำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความยั่งยืนภายใต้มาตรฐาน Green GlobeTM มาใช้ในการกำกับดูแลการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่า เป็นเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ
การได้รับการรับรองนี้ยังตอกย้ำจุดยืนวิสัยทัศน์ “Sustainable Diversity” การสร้างความหลากหลายที่สมดุลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 9 ประการของสหประชาชาติ (UN’s Sustainable Development Goals – SDGs) ที่ทางบริษัทฯ ยึดมั่นเสมอมา
สันติบุรี เกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) ตั้งอยู่บนหาดแม่น้ำ ชายหาดฝั่งเหนืออันสวยงามและเงียบสงบของเกาะสมุย ประกอบด้วยวิลล่าที่สะท้อนเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมไทย รายล้อมด้วยสวนเขียวขจีกว่า 60 ไร่ โดดเด่นด้วยเสน่ห์ความเป็นไทยที่ถ่ายทอดผ่านการบริการที่ประณีตและงดงาม ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะรักษาธรรมชาติดั้งเดิมให้สมบูรณ์ โดยเฉพาะการรักษาต้นไม้ใหญ่และต้นไม้ท้องถิ่น ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับผู้มาเยือน ด้วยกิจกรรมส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม และในปี 2023 นี้ จะมีการเปิดตัวโครงการเส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติ (Nature Trail) ภายในสวนของโรงแรม อันเป็นบ้านของพืชพันธุ์และสัตว์กว่า 200 ชนิด รวมถึงให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น อาทิ โครงการสนับสนุนน้ำสะอาดแก่โรงเรียน และโครงการอนุรักษ์ความสะอาดในคลองสาธารณะใกล้เคียงบริเวณโรงแรม
ทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ (SAii Phi Phi Island Village) ไลฟ์สไตล์รีสอร์ต ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติ เกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก วิลล่าทั้งหมดถูกออกแบบอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนวิถีชีวิตท้องถิ่น เรียงรายท่ามกลางสวนมะพร้าวดั้งเดิมของเกาะถึง 177 ไร่ ติดชายหาดที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงและมีความยาวถึง 800 เมตร เนื่องจากโรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับป่าโกงกางที่มีความสวยงามและเป็นป่าโกงกางพื้นทราย ทำให้มีน้ำใสและมีปะการังน้ำตื้นอยู่ เป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์ทะเลน้อยใหญ่ที่เป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจของชุมชนในพื้นที่ ดังนั้น ทางโรงแรมจึงมีนโยบายด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล (SDG14:Life Below Water) พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ อาทิ ล่องเรือหางยาวพร้อมกิจกรรมดำน้ำตื้น พายคายัคสำรวจป่าโกงกาง
นอกจากนี้ ยังมี “ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล” (Marine Discovery Centre) ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของอุทยานแห่งชาติ ชุมชนท้องถิ่น และหน่วยงานราชการ เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายและสร้างความตระหนักรู้ในการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ โครงการอนุรักษ์ฉลามกบ กิจกรรมสนับสนุนการวางทุ่นร่วมกับทีมอุทยานเพื่อป้องกันแนวปะการัง
ทราย ลากูน่า ภูเก็ต (SAii Laguna Phuket) รีสอร์ตสุดหรูที่ตั้งอยู่ใน “ลากูน่า ภูเก็ต” ริมหาดบางเทาที่มีพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง ภายในรีสอร์ตมีศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา สามารถรองรับการประชุมได้ถึง 350 คน ตัวอาคารทันสมัย
พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการศูนย์ประชุมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Meeting) นอกจากนี้ ผู้เข้าพักสามารถเลือกทำกิจกรรมกีฬาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส จักรยาน และกิจกรรมชายหาดต่าง ๆ โดยเฉพาะกิจกรรมสำหรับ
เด็ก ได้แก่ สไลเดอร์สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น รวมถึงชมธรรมชาติด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และกิจกรรมลดขยะทะเล โดยรีสอร์ตได้มุ่งมั่นในการการลดใช้พลาสติก จัดให้มีระบบผลิตน้ำและบรรจุน้ำดื่มใส่ขวดที่สามารถบรรจุได้ถึง 700 ขวดต่อวัน และมีจุดบริการเติมน้ำดื่มให้แก่ผู้เข้าพัก ไปจนถึงการวางระบบการบริหารจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการขยะจากอาหารและนำมารีไซเคิลได้ถึง 95% แล้วนำปุ๋ยที่ผลิตได้มาใช้ในบริเวณสวนของโรงแรม และยังได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มอัตราการใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจ
ครอสโร้ด มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) โครงการแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ประกอบด้วยรีสอร์ตชั้นนำ 3 แห่ง ได้แก่ ฮาร์ดร็อก โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) ทราย ลากูน มัลดีฟส์ (SAii Lagoon Maldives) และ โซ/ มัลดีฟส์ (SO/ Maldives) ซึ่งจะเปิดกิจการปลายปี 2023 นี้ พร้อมด้วย “เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์” (The Marina @ CROSSROADS) ศูนย์กลางที่รวมกิจกรรมไลฟ์สไตล์ ที่มีทางเดินริมชายหาดความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ประกอบด้วย ท่าจอดเรือยอทซ์ขนาดใหญ่ ร้านค้าบูติกทันสมัย และร้านอาหารชื่อดังระดับเวิลด์คลาส นอกจากนั้น ยังมี ศูนย์การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม มัลดีฟส์ (Maldives Discovery Centre) ที่ผู้มาเยือนจะได้ทำความรู้จักกับวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของมัลดีฟส์ และ ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre) ศูนย์กลางการอนุรักษ์ทางทะเลที่เน้นย้ำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและให้ความรู้เกี่ยวระบบนิเวศน์ของทะเลมัลดีฟส์ ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น การปลูกปะการัง และอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก
เดิร์ก เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับการถ่ายทอดนโยบายด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติจากสิงห์ เอสเตท ภายใต้วิสัยทัศน์ Sustainable Diversity สร้างความหลากหลายที่สมดุล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน และได้นำหลักการด้านการอนุรักษ์มาผสมผสานการสร้างประสบการณ์ที่พิเศษ เป็นเอกลักษณ์ที่สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของ SHR ที่ผ่านมาโรงแรมของเราที่ประเทศไทยและมัลดีฟส์ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศในด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและการบริการที่สร้างความสุขแก่ทุกคนที่มาเยือน เราตั้งใจถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์นี้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนจากโรงเรียนใกล้เคียงโรงแรม
“เรารู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ได้รับการรับรองจาก Green GlobeTM ซึ่งถือเป็นมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก ซึ่งประกาศนียบัตรนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างสมดุลควบคู่กับการดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้สวยงาม สมบูรณ์ ตลอดไป” เดิร์ก เดอ คุยเปอร์ กล่าว