จากกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 21.00 น. โดยมีปริมาณน้ำมันรั่วไหลประมาณ 45,000 – 70,000 ลิตร ไทยออยล์ได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุโดยทันที ด้านกรมควบคุมมลพิษ ได้ใช้แบบจำลอง OILMAP คาดการณ์แนวทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน พบว่าคราบน้ำมันได้เคลื่อนตัวมาทางด้านทิศตะวันออกของเกาะสีชัง บริเวณแหลมหินขาว เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
ไทยออยล์ ชี้แจงปมน้ำมันดิบรั่วกลางทะเล – เร่งกำจัดคราบน้ำมัน
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ออกประกาศชี้แจง กรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือกลางทะเล (SBM-2) ของโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บริษัทฯ ได้เข้าควบคุมสถานการณ์บริเวณที่เกิดเหตุทันที โดยได้ทำการปิดวาล์วท่อน้ำมันที่เกิดปัญหาและวางทุ่นล้อมคราบน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและจำกัดการแพร่กระจายตามขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้ขณะนี้ไม่มีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มเติมแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์โดยรอบจุดเกิดเหตุ รวมทั้งได้เตรียมสารเคมีและอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งดำเนินการขจัดคราบน้ำมัน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
กรมควบคุมมลพิษ แจ้งเตือนกรณีน้ำมันรั่ว
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามเหตุสถานการณ์ กรณีน้ำมันดิบชนิด ARUB Light Crude ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) รั่วไหลบริเวณทุ่นรับน้ำมันทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2566 เวลา 21.00 น. โดยมีปริมาณน้ำมันรั่วไหลประมาณ 45,000 – 70,000 ลิตร
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 กรมควบคุมมลพิษ.ได้ใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (OILMAP) คาดการณ์แนวทางการเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน ในเวลา 18.00 น. พบว่าคราบน้ำมันได้เคลื่อนตัวมาทางด้านทิศตะวันออกของเกาะสีชัง บริเวณแหลมหินขาว เกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี และมีแนวโน้มว่าหากสภาพอากาศยังมีกระแสคลื่นและกระแสลมค่อนข้างแรง คาดว่าในวันที่ 5 กันยายน 2566 ในช่วงเวลา 12.00 น. คราบน้ำมันจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งบริเวณชายหาดบางพระ ลงมาจนถึงอ่าวอุดม จังหวัดชลบุรี เป็นระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร
ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการเหตุการณ์ขจัดคราบน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในเบื้องต้นกรมควบคุมมลพิษ ได้อนุญาตให้มีการใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันชนิด Super Dispersant 25 จำนวน 4,500 ลิตร แล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ติดตาม รวมทั้งลดผลกระทบที่อาจเกิดกับประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว กรมควบคุมมลพิษ จะติดตามและตรวจสอบสถานการณ์เป็นระยะ พร้อมออกสำรวจและการเก็บตัวอย่างน้ำและน้ำมันเพื่อวิเคราะห์และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นข้อมูลในการแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป
ที่มา: ไทยออยล์, กรมควบคุมมลพิษ