กรุงเทพฯ – 28 มิถุนายน 2566 : โรงพยาบาลวิมุต ตอกย้ำความเป็น Trusted Healthcare Platform ของไทย เดินหน้าเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) เร่งผลักดันการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อนที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ พร้อมชู 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การยกระดับการรักษาที่ครอบคลุมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ การใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง และการมอบบริการที่ครอบคลุมทั้งที่โรงพยาบาลและทางออนไลน์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม เสริมแกร่งระบบบริการของโรงพยาบาล ทั้งการป้องกันโรค ตรวจวินิจฉัย ติดตามอาการ รายงานผล และรักษาให้สะดวกรวดเร็ว เพื่อตอบโจทย์สังคมและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ พร้อมรองรับผู้ใช้บริการทั้งกลุ่มคนไทยและคนต่างชาติ
นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า รพ.วิมุต ตระหนักถึงสถานการณ์ของโรคระบบทางเดินอาหารและตับที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเกิดจากหลากหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อม รวมถึงพันธุกรรม เราจึงเดินหน้าเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการมุ่งมั่นใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของบุคลากรทางการแพทย์ ผสานเข้ากับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยภายใต้อัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการตามมาตรฐานสากล ด้วยบริการที่สะดวกสบายและไร้รอยต่อทั้งในโรงพยาบาลและผ่านแอปพลิเคชัน “ViMUT App” เพื่อดูแลผู้ป่วยอย่างครอบคลุมทุกมิติ โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ที่ศูนย์ฯ จะสามารถให้การรักษาและการวินิจฉัยปัญหาที่เกี่ยวกับโรคทางเดินอาหารและตับต่าง ๆ ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยจำนวนมาก เช่น โรคกรดไหลย้อน ท้องผูก โรคลำไส้แปรปรวน กลั้นอุจจาระไม่ได้ กลืนลำบาก โรคกระเพาะ โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคไวรัสตับอักเสบ โรคไขมันเกาะตับ โรคตับแข็ง รวมไปถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้
“เราพร้อมเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพของประชาชนคนไทย ด้วยการตรวจที่ช่วยให้ตรวจเจอโรคได้ไว การรักษาที่ตรงจุด ให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็ว” นายแพทย์สมบูรณ์ กล่าว
จุดแข็งของศูนย์ทางเดินอาหารและตับของโรงพยาบาลวิมุต คือ ความลงตัวและความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคทางเดินอาหารด้วยการตรวจหาสาเหตุตั้งต้นของโรค และการรักษาในเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารและตับที่มีความยากและซับซ้อน
ด้าน นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ระบบประสาทและการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลวิมุต กล่าวถึงความท้าทายในการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารและตับว่า โรคทางเดินอาหารและตับถือเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่อาจมาเยือนทุกคนได้อย่างไม่รู้ตัว โดยมีอาการเจ็บป่วย อย่างเช่น แสบยอดอก กลืนลำบาก ปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรือการขับถ่ายที่ไม่ปกติ หากเราไม่สังเกตและเข้าปรึกษาแพทย์ทันแล้ว อาการอาจเรื้อรัง ก่อให้เกิดผลแทรกซ้อน หรือ มีความรุนแรงขึ้นจนอันตรายถึงชีวิตได้ หรือทำให้ผู้ป่วยพบโรคในวันที่สาย โรคบางชนิดมีอาการแทรกซ้อนอยู่มากมาย จึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ละเอียดแม่นยำเพื่อความปลอดภัย แนวทางการรักษาของทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลวิมุต เน้นการตรวจอย่างละเอียดและตรงจุด นำเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยมาดูแลทุกคนในครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ Anorectal Manometry และ Biofeedback Therapy ในผู้ป่วยท้องผูก หรือ กลั้นอุจจาระไม่ได้ Esophageal Manometry ในผู้ป่วยที่มีภาวะ กลืนลำบาก เจ็บหน้าอกที่ไม่ได้มาจากโรคหัวใจ หรือก่อนการผ่าตัดรักษาหูรูดหลอดอาหาร การวัดกรดในหลอดอาหาร (PH Monitoring) ในผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้นหรือ อาการไม่ชัดเจน การส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร, การตรวจ Colonic Transit Study ในผู้ป่วยที่สงสัยภาวะลำไส้เคลื่อนตัวช้า การตรวจหาภาวะพังผืดในเนื้อตับและตรวจวัดปริมาณไขมันสะสมในตับ (Fibro Scan) ตลอดจนการคัดกรองมะเร็งทางเดินอาหาร เนื่องด้วยปัจจุบันมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประเทศไทยพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศหญิง และอันดับ 3 ในเพศชาย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้จะสามารถป้องกันหรือช่วยให้ตรวจพบมะเร็งระยะเริ่มต้นได้เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที
โรงพยาบาลวิมุตยังตั้งเป้าหมายเป็นโรงพยาบาลเอกชนทางเลือกชั้นนำสำหรับผู้ป่วยโรคยากและซับซ้อน เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนคนไทย พร้อมเผยแผนการขยายธุรกิจจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น
“ในอนาคตโรงพยาบาลมีแผนขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันเรามีกลุ่มลูกค้าจากประเทศต่างๆ เดินทางมารักษา ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา จีน อินเดีย และอื่นๆ รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในประเทศไทย ที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โดยมีอัตรากลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเติบโตสูงขึ้นคิดเป็น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และคาดว่าหลังจากเปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหารอย่างเป็นทางการแล้ว จะมียอดเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอีก” นายแพทย์สมบูรณ์ กล่าวทิ้งท้าย