Yves Rocher (อีฟ โรเช) แบรนด์ความงามอันดับ 1 จากประเทศฝรั่งเศส เปิดตัวผลิตภัณฑ์ไลน์ Bath & Body Care โฉมใหม่ BAIN DE NATURE (แบง เดอ นาตูร์) ชาวเวอร์เจลจากต้นกำเนิดของธรรมชาติ ด้วยผลิตภัณฑ์กลุ่มอาบน้ำและดูแลผิวกายด้วยสูตรคลีนฟอมูล่า (Clean Formula) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดีต่อโลก ดีต่อคุณ” เนื่องจากปราศจากซัลเฟต 100% (Suface-free) ทำความสะอาดพร้อมถนอมผิว ให้ความชุ่มชื้นหลังใช้ มาพร้อมส่วนผสมที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติมากถึง 98% (Biodegradable) ที่สามารถชะล้างไปยังแหล่งน้ำโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ที่ผลิตมาจากกระบวนการรีไซเคิล 100% และนำไปรีไซเคิลต่อได้อีก ช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกในการผลิต และลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมรุกตลาด Personal Care ปรับราคาใหม่ ให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
Yves Rocher – BAIN DE NATURE ชาวเวอร์เจลที่ทั้งรักษ์โลกและรักผิวด้วยสูตรซัลเฟตฟรี มีทั้งหมด 10 กลิ่น มาพร้อม 3 กลิ่นใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนของแคว้นบริตทานี ประเทศฝรั่งเศส ได้แก่ กลิ่น WILD ALGAE & SEA FENNEL (ไวด์ อัลเก้ & ซีเฟนเนล) ให้ความเฟรช สะอาด และสดชื่น ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติอย่าง ไวด์ อัลเก้ (CORALLINA OFFICINALIS EXTRACT) สาหร่ายที่เกิดขึ้นตามชายฝั่งของฝรั่งเศส มีคุณสมบัติ Anti-oxidant ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวได้ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้รู้สึกสดชื่น พร้อม ซีเฟนเนล (CRITHMUM MARITIMUM EXTRACT) พืชบริเวณชายฝั่งของทะเลแถบตะวันตกของบริตตานี ซึ่งอุดมไปด้วยสารฟิโนลิก(Phenolic Acid) มีสารอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่คล้าย วิตามินเอ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และกรดไฮยารูโรนิคในชั้นผิว มีส่วนช่วยให้ผิวนุ่ม พร้อมช่วยปรับสมดุลการสร้างสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น
กลิ่นMEADOW FLOWER & HEATHER (มีโดว์ ฟลาวเวอร์ & ฮีทเตอร์) กลิ่นดอกไม้หอมหวานชวนเพลิดเพลิน มีโดว์ ฟลาวเวอร์ หรือ ดอกบรูม (Broom) อุดมไปด้วย Flavonoid และ Carotenoid จึงช่วยปลอบประโลมฟื้นฟูผิวเสียจากแสงแดด และต่อต้านกับอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีสาร Spartein และ Sarothamin 6 ซึ่งช่วยลดอาการบวมของผิวได้ ส่วนดอกฮีทเตอร์ (Calluna Vulgaris Flower Extract) ไม้ดอกสมุนไพรพื้นเมืองแถบทวีปยุโรป มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระให้กับผิว อุดมไปด้วยสารแอนติออกซิเดนซ์ เช่น โปรไซยานิดิน (Procyanidin) ฟื้นฟูผิวการทำร้ายจากอนุมูลอิสระและมีกรดยูโซลิก (Ursolic acid) จากธรรมชาติที่ลดการอักเสบของผิว ช่วยให้ผิวผ่อนคลายพร้อมปกป้องผิวให้สวยนุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
กลิ่น Oat & Buckwheat (โอ๊ต & บัควีท) ฟื้นฟูผิวด้วยคุณค่าของข้าวโอ๊ตสีทองและบัควีท ข้าวโอ๊ต ช่วยลดการระคายเคืองผิวและช่วยให้ผิวแข็งแรง อุดมไปด้วย Omega 6 และ Omega 3 ช่วยฟื้นฟูชั้นผิวให้แข็งแรง ทำให้ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองง่าย เหมาะกับผิวที่แห้งและแพ้ง่าย มาพร้อม บัควีท POLYGONUM FAGOPYRUM (BUCKWHEAT) SEED EXTRACT ธัญพืชที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย มีโปรตีนและใยอาหารสูง อุดมไปด้วยสารโพลีฟินอล ในกลุ่มฟลาวโวนอยด์ สารแอนติออกซิเดนซ์ ที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากการทำร้ายของแสงยูวี ซึ่งจะช่วยให้ชั้นผิวกลับมาแข็งแรง และวิตามินบี3 ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง
นอกจากนี้ยังมีอีก 7 กลิ่นให้ได้เลือกสรร อาทิ Raspberry & Peppermint , Olive & Petitgrain , Coffeebeans , Bourbon Vanilla , Mango & Coriander , Coconut และ Argan & Rose Petals
ด้วยสูตร Clean Formula เอกลักษณ์ส่วนผสมและสารทำความสะอาดที่ทำมาจากธรรมชาติ (Botanical Cleansing) และเป็นสูตรวีแกนที่ใช้ส่วนผสมที่น้อยลง แต่มีความธรรมชาติมากขึ้น ไม่มีส่วนผสมจากสีสังเคราะห์และส่วนผสมกลุ่มพาราเบน พร้อมผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง มาในบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกให้ได้ใส่ใจกับการดูแลตัวเองและรักษ์โลกไปพร้อมๆ กัน
สิรียา ชุณหกิติยานนท์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด Yves Rocher (อีฟ โรเช) กล่าวว่า แบรนด์ Yves Rocher ให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยยึดแนวปฏิบัติตามทฤษฎีของการมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่ธรรมชาติ รวมถึงการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของระบบนิเวศโดยรวม ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Yves Rocher จึงคำนึงถึงระบบนิเวศตั้งแต่การเพาะปลูกพืชพันธุ์อันทรงค่า นำมาซึ่งสารสกัดที่มีประสิทธิภาพ ผสานความเชี่ยวชาญของนักวิจัยที่มาพร้อมกับผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้ (Botanical Beauty with proven efficacy) นำไปสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบ Plant-based ในราคามิตรภาพ โดยไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในการผลิต ไม่ทำลายระบบนิเวศ ที่สำคัญทุกผลิตภัณฑ์ผลิตจากส่วนผสมจากธรรมชาติ และอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
“เราให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อมตั้งแต่สร้างแบรนด์ เป้าหมายคือ การทำให้ผู้บริโภค Reconnect to Nature ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผู้บริโภคต้องใช้ เนื่องจากมนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิตที่เกิดจากธรรมชาติเช่นกัน การที่เราทำผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและมนุษย์ที่เป็นหนึ่งในธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ Attach ให้ได้มากที่สุด และเป็นประโยชน์ที่สุด ดีกว่าไปพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทางเคมี ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว” สิรียา กล่าว
ในอดีตผู้บริโภคสายกรีนจะเห็นแบรนด์ Yves Rocher เป็น Top of Mind ด้าน Skin Care, Body Care และPersonal Care ทั้งนี้แบรนด์เรามีกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง พยายามเปิดโอกาสให้กลุ่มล่างลงมาอีกได้ใช้ในปีนี้อยากรู้จักเพื่อนใหม่ๆ มากขึ้น จึงปรับราคาจากป้ายลง 23% ช่วงเปิดตัวให้โปรโมชั่นพิเศษ 20% ผลิตภัณฑ์ลดลงเกือบ 40% เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่าย โดยผลิตภัณฑ์ 3 กลิ่นใหม่เริ่มต้นที่ราคา 200 ปลายๆ เกือบ 300 จากเดิม 300 ปลายๆ เพื่อต้องการขยายกลุ่ม Mass ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม คาดว่าลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จะเพิ่มขึ้น 50% รวมถึงกลุ่มวัยรุ่น
“Yves Rocher มีหนึ่ง Collective Action ด้านยั่งยืน คือ ไม่ได้ยั่งยืนเฉพาะเรา แต่เราพยายามทำให้คนส่วนใหญ่มาร่วมกับเรา ฉะนั้นการปรับราคาเพื่อให้คนกลุ่มใหญ่ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อรักษ์โลกด้วย นอกจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้ว ยังชะล้างสารสังเคราะห์สู่แหล่งธรรมชาติน้อยลงด้วย ปีนี้เราจะพยายามสื่อสารกับคนได้ง่าย อาจจะมีมุมที่พูดดังกว่าเดิมและดึงกลับมาให้เห็นดีเอ็นเอของแบรนด์ด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคมองเห็น เนื่องจากคนไทยสนใจสินค้ารักษ์โลกเฉพาะกลุ่มมาก ทำอย่างไรจะขยายง่าย ราคาตอบโจทย์ ซึ่งเป็นเรื่องของการทำตลาด” สิรียา กล่าวสรุปทิ้งท้าย