อินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ ไอวีแอล (IVL) ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี แข็งแกร่งต่อเนื่องบนพื้นฐานการดำเนินงานในปี 2564 ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ผลักดันอุปสงค์เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่มีการบูรณาการการดำเนินงานทั่วโลก
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) รายงาน Core EBITDA ในไตรมาสแรกที่ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหรือร้อยละ 77 เมื่อเทียบปีต่อปี และมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 3.80 ล้านเมตริกตัน ธุรกิจทั้งสามกลุ่มของไอวีแอลเติบโตจากตำแหน่งผู้นำระดับโลกของบริษัทฯ ที่ส่งผลให้ไอวีแอลได้รับประโยชน์โดยรวมที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้น อัตราค่าระวางสินค้าทางทะเลที่เพิ่มขึ้น และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวและการเคลื่อนย้ายทั่วโลก
ธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ของไอวีแอล ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่มีราคาสูง เนื่องจากความได้เปรียบของ Shale Gas ช่วยสนับสนุนอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ MTBE และ MEG อัตราค่าระวางสินค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ PET และ Fibers ได้รับประโยชน์ เนื่องจากราคานำเข้าที่เท่าเทียมกันในตลาดตะวันตกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณสองในสามของกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ ฝ่ายบริหารมีการตอบสนองอย่างฉับไวด้วยการป้องกันความเสี่ยงและการจัดเก็บเงินเพิ่มเติม ส่งผลให้สามารถฟื้นฟูค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและสาธารณูปโภคในบางส่วนที่เพิ่มขึ้นในยุโรป อันเป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
การเปิดประเทศอีกครั้งเป็นสัญญาณดีสำหรับอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มของไอวีแอล อย่างไรก็ตาม การล็อกดาวน์จากการระบาดใหญ่อย่างต่อเนื่องของจีนส่งผลกระทบต่ออุปสงค์โพลีเอสเตอร์ขั้นปลาย ส่งผลให้กำไรของ MEG ลดลง ธุรกิจของไอวีแอลมีการซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมีผลกระทบในทางบวก ซึ่งช่วยลดต้นทุนแปรสภาพในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งไอวีแอลมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดท้องถิ่น
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการบูราณาการของเรายังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค รองรับการใช้งานที่มุ่งเน้นการยกระดับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดี นี่คือรากฐานที่สำคัญของความยืดหยุ่นของไอวีแอล และช่วยให้บริษัทฯ สามารถรับมือในช่วงที่ผันผวนไม่แน่นอน ในขณะเดียวกันการมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทางธุรกิจยังคงส่งผลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและช่วยขับเคลื่อนผลผลิตที่เพิ่มขึ้น”
- กลุ่มธุรกิจ Combined PET รายงาน Core EBITDA จำนวน 435 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาและร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากจัดทำสัญญา PTA/PET ใหม่ ณ สิ้นปี 2564 ไอวีแอลคาดว่าสภาวะอุปสงค์และอุปทานที่ตึงตัวจะดำเนินต่อไปในปี 2565 โดยได้รับแรงหนุนจากฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง
- ธุรกิจ IOD รายงาน Core EBITDA จำนวน 126 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 258 เมื่อเทียบปีต่อปี จากธุรกิจ MTBE มีอัตรากำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่ยังคงแข็งแกร่ง และการเริ่มการผลิตของโรงงานแครกเกอร์ใน Lake Charles ที่ช่วยสร้างกำไรในปี 2565 การเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ซึ่งแล้วเสร็จในเดือนเมษายน จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจ IOD ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
- กลุ่มธุรกิจ Fiber รายงาน Core EBITDA จำนวน 85 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบปีต่อปี อุปสงค์ในทุกผลิตภัณฑ์ของกลุ่มธุรกิจ Fibers ยังคงที่ โดยการขายในประเทศนั้นมีอัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่อัตราค่าระวางสินค้าที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกจากประเทศไทย อินโดนีเซีย และอินเดีย และต้นทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของยุโรป
ไฮไลท์ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2565
- รายได้รวมจากการขาย 4,444 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบปีต่อปี
- Reported EBITDA 784 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบปีต่อปีและ Core EBITDA 650 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 77 เมื่อเทียบปีต่อปี
- ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบปีต่อปี เป็น 3.80 ล้านตัน
- กำไรสุทธิ 14,070 ล้านบาท และกำไรหลักสุทธิ 10,578 ล้านบาท
- Reported EPS 2.47 บาท (12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปี 2565: 5.98 บาท) และ Core EPS 1.85 บาท (12 เดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปี 2565: 4.96 บาท)
Core EBITDA Margin ร้อยละ 15 สูงสุดเป็นประวัติการณ์