สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จับมือ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และหน่วยงานพันธมิตรกว่า 10 หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และนักลงทุน แถลงข่าวการจัดงาน มหกรรม “BCG Startup Investment Day” เพื่อสนับสนุนให้สตาร์ทอัปที่มีเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ แต่ขาดการสนับสนุนด้านเงินทุน มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐ และเอกชน ในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2565 ที่ศูนย์ C asean ชั้น 10 อาคาร CW Tower ถนนรัชดาภิเษก โดยระดมมาตรการสนับสนุนทั้งภาครัฐ เอกชน และนักลงทุน มุ่งสร้างเครือข่ายพันธมิตรต่อยอดทางธุรกิจ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจใหม่ คาดมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน
ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า จากข้อมูลกิจการในกลุ่ม BCG (Bio-Circular-Green Economy ถือว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก จากสถิติพบว่า มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ในปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม BCG มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 152,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปี พ.ศ.2563 จากจำนวนโครงการ 746 โครงการ ที่เพิ่มขึ้น 63% ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 – 2564 คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม BCG มีมูลค่ารวม 675,781 ล้านบาท รวม 2,996 โครงการ
สำหรับมาตรการสนับสนุนธุรกิจในกลุ่ม BCG และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องของบีโอไอนั้น บีโอไอสนับสนุนธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่หรือเล็ก รวมทั้งผู้ประกอบการ Startup ที่มีเทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่เศรษฐกิจและสังคม และช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งและยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต นอกเหนือจากมาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้ พ.ร.บ. ส่งเสริมการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร รวมถึงมาตรการอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น Smart Visa แล้ว บีโอไอยังออกมาตรการทางการเงินสนับสนุน Startup ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ภายใต้ พ.ร.บ. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560 โดยมุ่งเน้นกลุ่มที่มีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม
ล่าสุด บีโอไอ ร่วมกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA และหน่วยงานพันธมิตรกว่า 10 หน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และนักลงทุน จัดงานมหกรรม “BCG Startup Investment Day” ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green Economy (BCG Economy) ขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2565 ที่ศูนย์ C asean ชั้น 10 อาคาร CW Tower ถนนรัชดาภิเษก เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup ที่มีศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมาตรการสนับสนุนต่างๆ ของภาครัฐ เอกชน รวมถึงนักลงทุน โดยรวบรวมมาตรการการสนับสนุนไว้ที่เดียว งานครั้งนี้มุ่งเน้นสตาร์ทอัปในกลุ่ม BCG สอดคล้องกับ BCG Model ที่เป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งเปิดให้มีการสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
“รูปแบบกิจกรรมแบ่งเป็น กิจกรรม Startup Pitching กิจกรรม Startup Talk และกิจกรรมสร้างเครือข่ายพันธมิตร ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานครั้งนี้ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมงาจะได้รับประโยชน์ องค์ความรู้และเข้าถึงข้อมูล แหล่งเงินทุน ได้แลกเปลี่ยนความรู้จากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงภายในงานแล้วสามารถนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ที่เข้าร่วมงานไปต่อยอดทางธุรกิจของตนเองให้ประสบความสำเร็จ” ดวงใจ กล่าว
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) กล่าวว่า หนึ่งในภารกิจหลักของ NIA คือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์ธุรกิจนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศตามแนวคิด “BCG Model” โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (BCG DeepTech Startup) 3 ด้าน ได้แก่ อาหาร (FoodTech) เกษตร (AgTech) และการแพทย์ (MedTech) โดยผู้ประกอบการทั้งหมดล้วนเป็นสาขาที่มีโอกาสและศักยภาพการเติบโตสูง แต่ยังมีจำนวนไม่มากนักและต้องใช้ระยะเวลาในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนจากผลงานวิจัยและพัฒนา เพื่อนำไปสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขัน ปัจจุบันผู้ประกอบการทั้ง 3 สาขารวมประมาณ 60 ราย ดังนั้น NIA จึงได้วางกรอบการพัฒนาผู้ประกอบการหรือสตาร์ทอัปที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อเร่งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันตั้งแต่ระยะแนวคิด ต้นแบบ ทดลองตลาด ขยายการเติบโต จนกระทั่งมีความสมบูรณ์พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างให้เกิด BCG DeepTech Startup จำนวน 65 ราย ภายใน 3 ปี
“ความร่วมมือกับบีโอไอและพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคการศึกษาที่จะบ่มเพาะเสริมองค์ความรู้ หาแหล่งเงินทุนสนับสนุนในละสาขาต้องใช้เวลาบ่มเพาะอย่างน้อย 3-5 ปีกว่าจะทราบถึงผลสำเร็จได้ และพร้อมที่จะเปิดกว้างให้การสนับสนุนสตาร์ทอัปทั้งในและต่างประเทศเข้ามาแชร์ประสบการณ์ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ให้เกิด Startup Ecosystem อย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย” ดร.พันธุ์อาจ กล่าว
ศรัณย์ สุตันติวรคุณ นายกสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (TVCA) กล่าวว่า ปัจจุบันทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญในการสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูล การเปิดเวทีอบรมสัมมนา จัดเวทีประกวดผลงานและหาแหล่งเงินทุนให้แก่สตาร์ทอัปอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างฐานรากทางเศรษฐกิจที่สำคัญเป็นฟันเฟืองทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะสตาร์ทอัปรายเล็กที่ขาดข้อมูลเชิงลึกรอบด้าน ขาดเงินทุนเริ่มต้น ขาดการเข้าถึงเทคโนโลยี ขาดข้อมูลการตลาดที่แท้จริง รวมทั้งนวัตกรรมความรู้และความเข้าใจในผลงานผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและพี่เลี้ยงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำช่องทางการสร้างผลงานที่ตลาดต้องการ
สิ่งที่นักลงทุนต้องการรับรู้ คือ ข้อมูลเทรนด์ตลาดเป็นอย่างไรในแต่ละช่วง มีข้อมูลคู่แข่งกำลังทำอะไรอยู่ต้องรู้ เพื่อเป็นข้อมูลว่าควรเพิ่มเติมอะไรให้กับธุรกิจได้บ้าง เป็นต้น ทั้งนี้หากสตาร์ทอัปต้องการประสบความสำเร็จต่อยอดธุรกิจเชิงพาณิชย์สร้างรายได้แล้ว จะต้องทำการศึกษาข้อมูลเชิงลึกให้รอบด้าน เพื่อหาแผนรองรับทุกๆการดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดและแข่งขันได้