การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2565 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดย ครม.รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอรายงานการดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ดังนี้ ทส. รายงานว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนให้คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการบูรณาการการทำงานแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จึงได้จัดทำโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ซึ่งคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ.2565 มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการฯ และมอบ ทส. เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
- วัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมและส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนของประเทศ เพิ่มแหล่งสำหรับกักเก็บคาร์บอนและสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลน รวมถึงนำคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการปลูกป่าชายเลนไปใช้ในการชดเชยการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่าง ๆ ในระบบทะเบียนของ T-VER (โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) คือ กลไกลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศที่องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (Thailand Greenhouse Gas Management Organization: TGO) พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเป็นกลไกที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ผลิตและใช้พลังงานหมุนเวียน ภาคอุตสาหกรรมที่มีกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน การจัดการของเสีย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่มีศักยภาพลดก๊าซเรือนกระจก การจัดการในภาคขนส่ง รวมถึงการปลูกต้นไม้และอนุรักษ์ฟื้นฟูป่า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นอกจากจะช่วยกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้แล้วยังสามารถรักษาและสร้างความหลากหลายทางชีวภาพได้อีกด้วย) หรือระบบทะเบียนที่ประเทศไทยจะนำมาใช้ในอนาคต [ผู้พัฒนาโครงการ (บุคคลภายนอก) จะได้รับการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตในสัดส่วนร้อยละ 90 หรือตามที่ตกลงกัน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะได้รับ 10% และจะจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวนครึ่งหนึ่ง]
- เป้าหมายการดำเนินการ กำหนดระยะเวลาการดำเนินการ 10 ปี (พ.ศ. 2565-2574) เนื้อที่ 300,000 ไร่ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ปัตตานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ระนอง ตรัง และสตูล
- ผลที่คาดว่าจะได้รับ
3.1 ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065
3.2 พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นในระยะเวลาอันสั้น มีการบำรุงรักษาต่อเนื่อง 10-30 ปี เพิ่มพื้นที่สีเขียว ตอบสนองนโยบายรัฐบาล
3.3 ประหยัดงบประมาณภาครัฐไม่น้อยกว่า 600-700 ล้านบาทต่อปี
3.4 ระบบนิเวศป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ เกิดการสร้างรายได้สร้างอาชีพให้กับชุมชนชายฝั่ง ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในการจับหาสัตว์น้ำ เก็บหาสมุนไพร การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และนิเวศบริการอื่น ๆ ได้ตามวิถีชุมชนปกติ
3.5 คาร์บอนเครดิตที่ได้จากโครงการปลูกป่าชายเลน สามารถใช้ในการชดเชยการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่าง ๆ ในระบบทะเบียนของ T-VER ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
3.6 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับสัดส่วนการแบ่งปันคาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปสนับสนุนให้ชุมชนใช้ในการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่
3.7 เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐในการจัดการทรัพยากรป่าชายเลนให้เกิดความยั่งยืน
3.8 ประเทศไทยมีฐานข้อมูลการกักเก็บคาร์บอนภาคป่าชายเลน