ไทย-เยอรมนี ร่วมขับเคลื่อนกลไกการเงินด้าน Climate Change มุ่งลดปัญหาโลกร้อน


สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับ โครงการด้านนโยบาย ภายใต้แผนงานความร่วมมือไทย – เยอรมัน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จัด การประชุมสัมมนากลไกการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Thailand Climate Finance Conference: From International to Domestic Mechanism” ณ โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินและการลงทุนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบกลไกทางการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนเกี่ยวกับความท้าทาย ช่องว่างและโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ รวมทั้งความต้องการขอรับการสนับสนุนในการพัฒนาและการลงทุนในเทคโนโลยีที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการเชิงลึก

การประชุมครั้งนี้ ได้เปิดเวทีให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้แลกเปลี่ยนแนวคิดการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย โดยในช่วงการเสวนาได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกการเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วย กองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (สผ.) ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP) และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาชน สื่อมวลชน และองค์กรอิสระกว่า 200 คน

วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โอกาสและความท้าทาย”ว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสและช่องว่างสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการสร้างงานจากเศรษฐกิจสีเขียวอีกมาก ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles : EV) อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมการผลิตโดย Reuse หรือ Recycle วัตถุดิบ อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกและพลังงานทดแทน หรือแม้กระทั่งอุตสาหกรรมเกษตร เช่น การปลูกข้าวปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ การผลิตโปรตีนทางเลือก และการผลิตอาหารสัตว์ที่ดีต่อระบบย่อยอาหารของสัตว์และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เป็นต้น

“ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัวในทุกภาคส่วนและทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนการลงทุนให้สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจสีเขียว สร้างมูลค่าเพิ่มและความเข้มแข็งในการแข่งขันทั้งในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การศึกษา กระบวนการผลิตสินค้า และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด” วราวุธ กล่าว

ทุกภาคส่วนต้องกลับไปดู Carbon Footprint ว่าใหญ่ขนาดไหน โดยให้กระบวนการผลิตมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งต้องใช้วิตามิน M ได้แก่ Money คือ เงิน ปัจจุบันคาร์บอนเครดิตเริ่มมีบทบาทมากขึ้น การปลูกป่า หรือฟื้นฟูป่าชายเลน ไม่ใช่ CSR อีกต่อไป แต่เป็นการสร้างคาร์บอนเครดิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“เรายังต้องการการสนับสนุนจากต่างประเทศอีกมากทั้งในด้านการเงิน การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาศักยภาพ โดยเฉพาะในเทคโนโลยีระดับสูงที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำหรือลดก๊าซเรือนกระจก และทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาชนและประชาสังคมควรตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ซึ่งตอนนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ก่อนที่จะไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกเลย” วราวุธ กล่าว

ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะหน่วยงานประสานงานกลางของประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กล่าวว่า ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศต่อประชาคมโลกในการมุ่งบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 การประชุมครั้งนี้ จึงมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบกลไกทางการเงินด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแหล่งเงินทุนเพื่อการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนเกี่ยวกับความท้าทายในการพัฒนาธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ และความต้องการรับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้สามารถแข่งขันและพัฒนาธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำได้

ด้านฮานส์ อูลริช ซูดเบค อุปทูตและหัวหน้าแผนกเศรษฐกิจประจำสถานทูตเยอรมนี กรุงเทพฯ กล่าวว่า ทั้งเยอรมนีและไทยมีเป้าหมายเดียวกันในการลด Climate Change รัฐบาลไทยได้ขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อให้เอกชนใส่ใจ ทั้งนี้เอกชนมีบทบาท 70 % ในการขับเคลื่อนด้าน Climate Change ปัญหา Climate Change ไม่เฉพาะแต่ประเทศไทยยังรวมถึงประเทศต่างๆ ในอาเซียนและหลายประเทศทั่วโลก เพราะเป็นภัยที่มีผลกระทบต่อมนุษย์

“นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของโลก การทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมต้องดำเนินควบคู่กัน ไม่ใช่แค่ประเทศไทยกับเยอรมนี ที่มีความสัมพันธ์อันดีมายาวนานถึง 160 ปี แต่ยังหมายรวมถึงสหภาพยุโรป และประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนด้วยที่ต้องร่วมกันจัดการวิกฤตสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต้องการทิศทางที่ชัดเจนจากนโยบายสาธารณะที่สนับสนุนศักยภาพที่แท้จริงของภาคเอกชนและภาคประชาชน” ฮานส์ อูลริช ซูดเบค กล่าว

ดังนั้น การพูดถึงเรื่อง Climate Finance จึงมิใช่เพียงแค่เรื่องงบประมาณจากภาครัฐเท่านั้น แต่ควรเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการออกแบบนโยบายและแรงจูงใจที่เหมาะสม เพื่อเป็นตัวเร่งให้เกิดการปรับการลงทุนของภาคเอกชน อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นมิตรต่อสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม


ภายในงานมีการเสวนาหัวข้อ “กลไกการเงินเพื่อขับเคลื่อนการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของ ไทย” โดย นารีรัตน์ พันธุ์มณี ผู้อํานวยการกองประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศิริพิมพ์ วิมลเฉลา ผู้อํานวยการฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ชนินทร์ ขาวจันทร์รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โลวิต้า รามกุฏีรองผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจําประเทศไทย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) และดร. แมทเทียส บิกเคล ผู้อํานวยโครงการ และผู้อํานวยการภาคส่วนเกษตรและอาหาร องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save