รู้หรือไม่? ในทศวรรษหน้าอุตสาหกรรมก่อสร้างและซ่อมแซมปรับปรุงอาคารจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ มีการใช้พลังงานถึง 40% ของการใช้พลังงานของโลก และทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่าหนึ่งในสามของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ซึ่งการปรับเปลี่ยนวัสดุในการก่อสร้างและการและซ่อมแซมปรับปรุงอาคารคือหนึ่งในแนวทางเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
โคเวสโตรกำลังพัฒนาเชิงวิศวกรรมเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นสำหรับใช้ในแผ่นฉนวน แผงแซนวิช และผนังอาคารสำเร็จรูป ซึ่งวัตถุดิบโฟมโพลียูรีเทนชนิดแข็ง (PUR) และโพลีไอโซไซยานูเรต (PIR) ของผลิตภัณฑ์ Baymer® Desmodur® และ Desmophen® ของโคเวสโตร สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยการดูดซับแก๊สในรูพรุนขนาดเล็กช่วยให้แผ่นฉนวนมีประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ดีกว่าใยแก้ว ใยหิน หรือโพลีสไตรีนได้ถึง 30-50% อีกทั้ง ฉนวน PURและ PIR นี้ยังมีข้อได้เปรียบที่สำคัญด้านสิ่งแวดล้อม คือ ตลอดอายุการใช้งานจะช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ในการผลิตได้มากกว่าเดิมถึงประมาณ 70 เท่า และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังพบว่าโซลูชั่นวัสดุโฟมจากโคเวสโตรช่วยให้การปรับปรุงซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์เชิงพานิชย์ในเยอรมนี สามารถลดการใช้พลังงานลงถึง 80% ด้วยกัน
นอกจากนี้ ล่าสุด วัตถุดิบโพลียูรีเทน เมทิลีน ไดฟีนิล ไดไอโซไซยาเนต หรือ MDI.จากโรงงานสองแห่งของโคเวสโตรได้รับการรับรอง ISCC PLUS จึงทำให้โรงงานทั้งสองแห่งนี้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ฉนวนโพลียูรีเทนโฟมชนิดแข็งที่มีส่วนผสมวัตถุดิบหมุนเวียนด้วยวิธีสมดุลมวลสาร และผลลัพธ์ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณภาพไม่ต่างจากโฟมจากวัตถุดิบฟอสซิลล้วนๆ เลย ซึ่งการริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของโคเวสโตรเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนให้มากขึ้น โดยค่อยๆ เปลี่ยนมาใช้แหล่งวัตถุดิบหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่คุณค่า