กทม. – ซีพี ออลล์ นำ 24 รร. ร่วม “ภาคีโรงเรียนไร้ถัง” ปรับแนวคิด “เปลี่ยนขยะเป็นทรัพย์สิน” สู่เยาวชน ขยายผล 437 รร.ใน 3 ปี


กรุงเทพมหานคร (กทม.)  โดยศานนท์ หวังสร้างบุญ  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ลงนามความร่วมมือกับ ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  ในภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง เพื่อนำโรงเรียนในสังกัด กทม.จำนวน 437 แห่ง เข้าร่วมเป็นสมาชิกภาคีในฐานะ “โรงเรียนไร้ถังสังกัดกรุงเทพมหานคร” ร่วมกับองค์กรภาคเอกชนกว่า 10 แห่ง และ 443 โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ ปลูกฝังให้เกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้กับเยาวชนและชุมชน แก้ปัญหาการจัดการขยะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และเป็นวาระสำคัญของประเทศ 

“โรงเรียนไร้ถัง” เป็นการนำโมเดลการจัดการขยะแบบ “ทับสะแกโมเดล” จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งประสบความสำเร็จในการลดปริมาณขยะจาก 15 ตัน/เดือนเหลือเพียง 2 กิโลกรัม/ เดือน ปลูกฝังเยาวชนให้มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ รียูส รีไซเคิล อัพไซเคิล และมีส่วนร่วมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางภายในโรงเรียน รวมทั้งสร้างรายได้จากการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนหันมาคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นำสิ่งที่เป็นวัสดุอินทรีย์ วัสดุรีไซเคิล ส่งต่อไปยังหน่วยงานและกระบวนการจัดการขยะที่เหมาะสม สร้างรายได้กลับเข้าสู่โรงเรียนและชุมชน และทำให้โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เพื่อส่งต่อองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะไปยังชุมชนใกล้เคียงโรงเรียน ปลูกฝังให้คนในท้องถิ่นร่วมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง  โดยทางโรงเรียนจะขยายผลไปอำเภอไร้ถัง และจังหวัดไร้ถังในอนาคต ซึ่งทางภาคีจะสนับสนุนงบประมาณ และองค์ความรู้ โดยมีคู่มือการดำเนินงาน การจัดฝึกอบรม การลงพื้นที่ และการติดตามผลอย่างใกล้ชิด

ศานนท์ หวังสร้างบุญ

ศานนท์ หวังสร้างบุญ  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.มีขยะ 10,000 ตัน ที่ผ่านมา กทม.ต้องเสียงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะปีละมากกว่าหมื่นล้านบาท  ขณะที่ใช้เงินในการศึกษา 4,000 ล้านบาท เนื่องจากกระบวนการจัดการขยะตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำยังไม่สอดคล้องกัน การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน จึงต้องดำเนินการไปพร้อมกันทุกส่วนทั้งต้นน้ำ คือ ปลูกฝังให้ประชาชนเกิดการคัดแยกขยะ กลางน้ำ คือ กทม.จัดเก็บขยะแบบแยก และปลายน้ำ คือการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ การให้โรงเรียนในสังกัด กทม. 437 แห่ง เข้าร่วมภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง ถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยปลูกฝังในระดับต้นน้ำ และมีผู้เกี่ยวข้องในระบบนิเวศปลายน้ำ สานฝันการจัดการขยะให้เป็นระบบได้จริง

ทั้งนี้ ทาง กทม.จะนำโมเดลของภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง มาดำเนินการทันทีกับโรงเรียนสังกัด กทม.ใน 4 เขต ได้แก่ หนองแขม ปทุมวัน พญาไท และบางเขน รวม 19 โรงเรียน โดย 3 เขตแรก เป็นเขตนำร่องโครงการ “ไม่เทรวม” ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยรณรงค์แยกขยะเศษอาหารออกจากขยะทั่วไป

ในส่วนของวัสดุรีไซเคิลได้จะมีคนมารับไป  สำหรับขยะอินทรีย์ สามารถนำมาทำปุ๋ยได้     ขณะที่เขตบางเขน เป็นเขตที่ทางภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง มีเครือข่ายชุมชนไร้ถังที่ชุมชนบางบัว ซึ่งเป็นต้นแบบอยู่แล้ว จึงทำให้สามารถดำเนินการได้ทันที รวมถึงอีก 5 เขต 5 โรงเรียนที่มีต้นทุนและความพร้อมด้านการจัดการขยะอยู่แล้วพร้อมร่วมโครงการทันที รวมทั้งหมดเป็น 9 เขต 24 โรงเรียน  แล้วให้โรงเรียน 1 แห่ง ขยายผลโรงเรียนอีก 3 แห่ง จะได้ทั้งหมด 72 โรงเรียน แล้วขยายผลไปยังโรงเรียนอื่นๆ จนครบ 437 แห่งของกทม. ภายในเวลา 3 ปี

การจัดการขยะ

ศานนท์  กล่าวว่า ภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถังจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนพฤศจิกายน  เนื่องจากช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอม  ในเดือนธันวาคมจะติดตามผลอีก 1 รอบ เพื่อถอดบทเรียนในการนำมาปรับใช้ในหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานเขต ภายใต้ความร่วมมือกับภาคเอกชน

ด้านยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)  ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทฯ และสมาชิกภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร (กทม.) นำโรงเรียนในสังกัด กทม.จำนวน437 แห่ง เข้าร่วมเป็นสมาชิกภาคี ในฐานะ “โรงเรียนไร้ถังสังกัดกรุงเทพมหานคร” เพื่อร่วมกับองค์กรภาคเอกชนกว่า 10 แห่ง และ 443 โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศ ปลูกฝังให้เกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้กับเยาวชนและชุมชน แก้ปัญหาการจัดการขยะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่และเป็นวาระสำคัญของประเทศ

สิ่งสำคัญที่สุดของการแก้ปัญหาระดับชาติ คือการสร้างความร่วมมือ รวมพลังกันแก้ปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภาคีของเรามีองค์ความรู้หรือ Knowhow ในการจัดการขยะที่ประสบความสำเร็จอย่างทับสะแกโมเดล มีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการขยะครบวงจร ขณะที่ กทม.เองก็มีนโยบายและวิสัยทัศน์ชัดเจนว่าต้องการให้เกิดการคัดแยกขยะอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นทาง รวมถึงมีบุคลากร โรงเรียน ชุมชนในสังกัดจำนวนมาก ความร่วมมือกันในครั้งนี้ จึงนับเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืน”  ยุทธศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ เป้าหมายที่ทางภาคีต้องการให้เกิดขึ้นกับโรงเรียนภายใต้ภาคี ได้แก่ 1.บูรณาการเรื่องการจัดการขยะเข้ากับหลักสูตรท้องถิ่น เพื่อปลูกฝังเยาวชนให้มีองค์ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ รียูส รีไซเคิล อัพไซเคิล และมีส่วนร่วมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางภายในโรงเรียน ตามแนวทางของทับสะแกโมเดล ซึ่งประสบความสำเร็จในการลดปริมาณขยะจาก 15 ตันต่อเดือนเหลือเพียง 2 กิโลกรัมต่อเดือน 2.สร้างรายได้จากการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนหันมาคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นำสิ่งที่เป็นวัสดุอินทรีย์ วัสดุรีไซเคิล ส่งต่อไปยังหน่วยงานและกระบวนการจัดการขยะที่เหมาะสม สร้างรายได้กลับเข้าสู่โรงเรียนและชุมชน และ 3.ทำให้โรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ชุมชน เพื่อส่งต่อองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะไปยังชุมชนใกล้เคียงโรงเรียน ปลูกฝังให้คนในท้องถิ่นร่วมคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยทางภาคีจะสนับสนุนงบประมาณ และองค์ความรู้ โดยมีคู่มือการดำเนินงาน การจัดฝึกอบรม การลงพื้นที่ และการติดตามผลอย่างใกล้ชิด

สุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า  ปัจจุบันคนไทยแยกขยะไม่ถึง 50%   ขณะที่ไต้หวันสามารถแยกขยะไปใช้ประโยชน์ได้ 92%  อีก 8% คือสารพิษ  ทั้งนี้คนไทยควรเปลี่ยนมุมมองว่าขยะมีค่า จะสามารถนำมารีไซเคิลได้

สำหรับภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง ถือเป็นภาคีที่มีเครือข่ายด้านการจัดการขยะครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เนื่องจากประกอบด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน และโรงเรียนที่เกี่ยวข้องถึง 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ให้ความรู้ 2.กลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติการแยกขยะ 3.กลุ่มผู้รับจัดส่งวัสดุและบันทึกข้อมูล 4.กลุ่มผู้รีไซเคิล 5.กลุ่มผู้รวบรวมจัดเก็บ 6.กลุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์ 7.กลุ่มผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ความร่วมมือกับ โรงเรียนในสังกัด กทม. จึงเป็นการขยายฐานกลุ่มผู้ลงมือปฏิบัติการแยกขยะให้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างระบบนิเวศการจัดการขยะที่แข็งแกร่งและครบวงจรที่สุดในไทย ตลอดจนสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ด้านการจัดการขยะ (Green Learning Network) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

ขยะพลาสติก

ตรีเทพ  ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป  สำนักกิจการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า คนไทยทิ้งขยะเฉลี่ย 1.14 กิโลกรัมต่อคนต่อวัน  คิดเป็นขยะ 76,000 ตันต่อวัน  โดยขยะทั้งหมด 27 ล้านตัน  มีการจัดการถูกวิธีเพียง 10.85 ล้านตัน    ในส่วนของขยะในทะเล มีจำนวน 22.85 ล้านกิโลกรัม ซึ่งเป็นขยะที่ไหลมาตามแม่น้ำลำคลอง  สุดท้ายไหลลงทะเล    โดยประเภทขยะที่อยู่ในทะเล 3 อันดับแรกคือ ก้นบุหรี่ บรรจุภัณฑ์ใส่ของ และขวดเครื่องดื่ม

การดำเนินงานภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง  มีความท้าทาย 4 ประการ คือ  1. ต้องรณรงค์สร้างความเปลี่ยนแปลง โดยเปลี่ยนมุมมองว่าขยะเป็นทรัพยากรประเภทหนึ่ง  2. หาทางออกแก้ปัญหา 3. สร้างการมีส่วนร่วม และ 4. ขยายเครือข่ายให้กว้างขวางมากที่สุด

ภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง

สำหรับภาคีเครือข่ายโรงเรียนไร้ถัง เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นขององค์กรภาคเอกชนเข้าร่วมเป็นภาคี ประกอบด้วย 1.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC 3.บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP 4.บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด (Unilever) 5.บริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อค จำกัด 6.บริษัท ไทย เบเวอร์เรจ แคน จำกัด 7.บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด 8.กลุ่มอำพลฟูดส์ (AMPOLFOOD Group) 9.บริษัท สถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ จำกัด 10.บริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด และ 11.วัดจากแดง นอกจากนี้ ยังมีโรงเรียนและชุมชนที่ร่วมดำเนินการในฐานะภาคีแล้วกว่า 443 แห่ง มีแผนขยายเครือข่ายสู่โรงเรียนและชุมชนในโครงการสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี รวมกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศต่อไป


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save