ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. ….


การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2565 ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอช านายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดย ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

ทั้งนี้ คค. เสนอว่า

  1. โดยที่รัฐบาลมีการเร่งรัดนโยบาย แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ด้านการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและการใช้พลังงานของโลก และในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ได้มีมติในด้านการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับกรมการขนส่งทางบกในการกำหนดมาตรการด้านภาษีเพื่อสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า โดยการลดอัตราภาษีประจำปีสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเป็นการจูงใจให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
  2. โดยที่พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 31 บัญญัติให้ในกรณีที่เห็นเป็นการสมควร ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมีอำนาจลดภาษีประจำปีสำหรับรถในเขตท้องที่ใดหรือในกรณีใดลงจากอัตราที่กำหนดไว้ท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา คค. กรมการขนส่งทางบกจึงได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. …. ขึ้น ซึ่งกำหนดให้ลดอัตราภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2568 ลง 80% ของอัตรา ที่กำหนดตาม (11) ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2550 เป็นระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันที่จดทะเบียน เพื่อเป็นการสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
  3. กรมการขนส่งทางบกได้นำร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ลงรับฟังความคิดเห็นของประชาชนโดยทั่วไปทางเว็บไซต์ http://www.dlt.go.th และเว็บไซต์ http://elaw.dlt.go.th ตั้งแต่วันที่ 1 – 15 เมษายน พ.ศ. 2565 มีประชาชนมาให้ความเห็น 20 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เห็นพ้องด้วย
  4. คค. ได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยรายงานว่าโดยที่กรมการขนส่งทางบกมีหน้าที่ต้องจัดเก็บเงินภาษีประจำปี เงินเพิ่ม และค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ รายได้จากการจัดเก็บดังกล่าวจะตกเป็นรายได้ของกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดอื่นจะตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งกรมการขนส่งทางบกประมาณการรายได้จากการจัดเก็บภาษีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน พ.ศ.2568 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 50,897,330 บาท (คาดว่าจะมีรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจำนวน 128,736 คัน) หากร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. …. ดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว จะส่งผลกระทบต่อหน่วยงานที่ได้รับเงินภาษีดังกล่าวด้วย โดยจะได้รับเงินภาษีเป็นรายได้ประมาณ 31,922,758 บาท ซึ่งจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 18,974,572 บาท คิดเป็น 37% ของรายได้ที่จะสามารถจัดเก็บรถไฟฟ้าทั้งหมด แต่เนื่องจากจำนวนภาษีของรถที่เสียภาษีประจำปี 2565 ถึงปี 2568 (รถทุกประเภท) ที่กรมการขนส่งทางบกจัดเก็บได้จะมีรายได้ประมาณการในปี 2568 จำนวน 33,913,995,256 บาท การสูญเสียรายได้จากการลดอัตราภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวลงในอัตรา 80% ดังกล่าว คิดเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 0.05 จึงคาดว่าการลดอัตราภาษีลงดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของกรุงเทพมหานครและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการนำไปจัดทำบริการสาธารณะให้กับประชาชน แต่จะก่อให้เกิดประโยชน์ ด้วยเป็นการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และปริมาณ PM 2.5 ในอากาศ ตลอดจนช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศ

 


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save