กรุงเทพฯ – 21 กรกฎาคม 2566 : กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน (BOFT) และสภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (TAITRA) จัดแถลงข่าวในหัวข้อ “Taiwan Excellence Empowering a Green Future Press Conference” ณ ห้องประชุม Silk 1 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เพื่อนำเสนอความสำเร็จของไต้หวันในกลุ่มธุรกิจสีเขียวเพื่ออนาคต (Green Future Sector) โดยวิทยากรหลักคือผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำในไต้หวัน ได้แก่ ICP DAS Co., Ltd, INNOTRIO Co., Ltd, และ FENRI Co., Ltd. เพื่อเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าทางนวัตกรรมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยบริษัทที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence
ทั้งนี้งานแถลงข่าวดังกล่าวยังตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไทยในเรื่องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้คนในทุกภาคส่วนมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีสื่อมวลชนและสมาคมต่างๆ เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
งาน “Taiwan Excellence “Empowering a Green Future” จัดขึ้นภายใน งานแสดงสินค้าไต้หวันในประเทศไทย Taiwan Expo 2023 ตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 22 กรกฎาคม ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) โดยจัดแสดงผลิตภัณฑ์ 64 รายการจากบริษัทที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence Awards จำนวน 28 บริษัท นิทรรศการครอบคลุมธีม หลัก 4 หัวข้อ ได้แก่ อุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industry) การใช้ชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) สมาร์ทไอซีที (Smart ICT) และ ESG เพื่อนำบริษัทไต้หวันขยายตลาดเข้าสู่ประเทศไทยและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของไต้หวันและไทย
ภายในงานมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ได้แก่ เครื่องพิมพ์ซีเมนต์อัดขึ้นรูป 3 มิติของ Everplast, กล้องถ่ายภาพของ PaperShoot, Cardio Climber ของ Dyaco, และ Stampede ของ SHENNONA
มร. นิค นี ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (TECO) กล่าวว่า “ESG” และ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” เป็นปัญหาสำคัญระดับโลก ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการส่งเสริมแนวคิด ESG อย่างจริงจังทั้งในภาคสังคมและธุรกิจ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาห้าปีติดต่อกันในรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติประจำปี พ.ศ. 2566 โดยได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ ในทางกลับกัน ไต้หวันเองก็มีความก้าวหน้าอย่างน่าทึ่งในด้านพลังงานหมุนเวียน การจัดการทรัพยากรน้ำ และผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก บริษัทต่างๆ ในไต้หวันกำลังลดการใช้พลังงานและพลาสติกเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือน้อยที่สุด และได้รับการยกย่องจากนานาชาติ ด้วยความพยายามร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ เชื่อว่าประเทศไทยจะยังคงตำแหน่งผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียนต่อไป
มร. ฟิลิกซ์ ชิว รองประธานกรรมการบริหาร สภาส่งเสริมการค้า และการส่งออกแห่งไต้หวัน (TAITRA) กล่าวถึงที่มาของรางวัล Taiwan Excellence Award ว่า รางวัลอันทรงเกียรตินี้จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงเศรษฐกิจในปี 2536 และมีดำเนินการคัดเลือกที่เข้มงวดตามหลักเกณฑ์ที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ “R&D”, “การออกแบบ”, “คุณภาพ” และ “การตลาด” ในแต่ละปี ผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึง ” คุณค่าทางนวัตกรรม” ได้รับการประเมินและคัดเลือกอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ บริษัทที่ได้รางวัล Taiwan Excellence ที่นำเสนอในงานนี้ เน้นถึงคุณสมบัติสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่จัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดและเมดอินไต้หวัน เท่านั้น แต่ยังเน้นถึงอนาคตสีเขียวด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง แนวปฏิบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกลยุทธ์เพื่ออนาคต
ชูชาติ สายถิ่น รองประธานกรรมการ สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจ เมื่อความยั่งยืนกลายเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค การสร้างแบรนด์และกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถสร้างความแตกต่างให้ธุรกิจจากคู่แข่งและสร้างชื่อเสียงให้เพิ่มมากขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น การนำนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ในเชิงรุกอาจช่วยให้เข้าถึงสิ่งจูงใจ เงินช่วยเหลือ และความร่วมมือจากรัฐบาล ซึ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทได้อีกทางหนึ่งด้วย
FENRI พร้อมนำแพลตฟอร์มระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะบุกตลาดไทย
สำหรับบริษัท FENRI Co., Ltd. เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับรางวัล Taiwan Excellence ซึ่งเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าทางนวัตกรรมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย FENRI เป็นบริษัทสัญชาติไต้หวัน ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีระบบการจัดการเรื่องน้ำมากว่า 26 ปี ปัจจุบันมีความเชี่ยวชาญระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะ พร้อมนำเสนอแพลตฟอร์มระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะแบบครบวงจร ผ่านระบบ AIoT (Artificial Intelligence of Things) 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ แพลตฟอร์ม FENRI Cloud Collection advanced (FCC+) และ แพลตฟอร์ม FENRI Cloud Mobile (FCM)
สำหรับแพลตฟอร์ม FENRI Cloud Collection advanced (FCC+) เป็นระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะที่สามารถรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์และส่งไปยังแพลตฟอร์มคลาวด์ที่เรียกว่า FENRI ซึ่งได้รับรางวัล Taiwan Excellence Award ปี 2023 ซึ่งเป็นรางวัลผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมของไต้หวัน ถือเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมไต้หวันอย่างแท้จริง และเป็นตราสัญลักษณ์ที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของไต้หวันที่ยอดเยี่ยมและเปี่ยมด้วยคุณภาพ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก
ส่วน FENRI Cloud Mobile (FCM) เป็นระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน เช่น ถ้ำ ในป่า บริเวณแม่น้ำ หรือระบบท่อน้ำทิ้งใต้ท่อระบายน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มคลาวด์ของ FENRI ยังให้บริการตามความต้องการของลูกค้า เช่น การนำแพลตฟอร์มการจัดการน้ำอัจฉริยะมาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล การทำนายความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น การแจ้งเตือน และการแสดงข้อมูลเป็นภาพ แพลตฟอร์มผ่านเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) สำหรับลูกค้าที่ต้องการรักษาหรือปรับปรุงคุณภาพน้ำ รวมถึงต้องการปกป้องสิ่งแวดล้อม
Kelly Chang ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท FENRI จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้บริการ คลาวด์แพลตฟอร์มระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะกับลูกค้าที่หลากหลาย โดยกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ หน่วยงานราชการ, โรงเรียน, ฟาร์มเกษตรและปศุสัตว์, สวนอุตสาหกรรม, อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, หน่วยงานที่ดูแลการป้องกันภัยพิบัติ, การประปาเทศบาลและหน่วยงานที่ดูแลการบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้รับการตอบรับจากลูกค้าในระดับความพึงพอใจมากกว่า 90% อย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราความพึงพอใจสูงถึง 90% สำหรับเมืองอัจฉริยะ
สำหรับการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ มองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะนี้กำลังมองหา Distributor ในประเทศไทย เพื่อรุกตลาดประเทศไทยเต็มรูปแบบ
“น้ำเป็นหนึ่งในทรัพยากรที่มีค่าที่สุดสำหรับทุกประเทศในโลก ในภูมิภาคเอเชีย เราได้เห็นความถี่ของการเกิดน้ำท่วมและภัยแล้งในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยประสบการณ์ของบริษัทฯ ในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ เรามุ่งมั่นที่จะนำโซลูชันระบบการจัดการน้ำอัจฉริยะมาใช้นำเสนอในตลาดประเทศไทย” Kelly Chang กล่าว
บริษัทฯ ยังมีวิสัยทัศน์ที่จะรักษาและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (SDG6 และ ESG) รวมถึงมุ่งมั่นที่จะดูแลจัดการน้ำสะอาดและสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนซึ่งส่งเสริมอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนรุ่นใหม่
สำหรับTaiwan Excellence ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการจัดกิจกรรมต่างๆ ในประเทศไทย เช่น Taiwan Excellence Pavilion ในงาน Manufacturing Expo และงาน Taiwan Excellence Pop-up Store และในอนาคตอันใกล้นี้ จะจัดแสดง Taiwan Excellence Pavilion ในงาน Medical Fair Thailand 2023 ในวันที่ 13-15 กันยายน ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยจะนำเสนอเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่จากบริษัทที่ได้รับรางวัลของไต้หวันจำนวน 15 บริษัท เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในอนาคตระหว่างไต้หวันและไทย