“กฤษฎา ประเสริฐสุโข” เอ็มดี GGC คนใหม่ พร้อมสานต่อ วิสัยทัศน์ผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม สู่การเติบโต ที่มั่นคงและยั่งยืน


บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC บริษัทผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นบริษัทแกนนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Flagship Company) ของกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล เปิดตัวกรรมการผู้จัดการคนใหม่ กฤษฎา ประเสริฐสุโข เพื่อสานต่อต่อวิสัยทัศน์ “เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน” ภายใต้กลยุทธ์ “The New Chapter of GGC to be the Sustainable Growth Business” สู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมเตรียมงบประมาณในการดำเนินธุรกิจในปี พ..2566 ไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับใช้ปรับปรุงการดำเนินธุรกิจกลุ่มเดิมที่มีอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท และลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆประมาณ 1,500 ล้านบาท

กฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC กล่าวว่า ปัจจุบัน GGC มีอายุครบ 18ปีแล้ว ซึ่งในระหว่างการดำเนินธุรกิจได้ผ่านร้อนผ่านเย็นประสบความสำเร็จ มีช่วงเวลาแห่งความสุขและห้วงเวลาแห่งความลำบาก แต่ทุกๆประสบการณ์ที่ผ่านมาช่วยให้ GGC เข้มแข็งขึ้น และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ GGC จะกลับมาสานต่อวิสัยทัศน์เพื่อเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ “The New Chapter of GGC to be the Sustainable Growth Business” สู่การเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่ง GGC ได้ใช้เวลาในการหล่อหลอมเป็น DNA ของ GGC ที่เราภาคภูมิใจ โดย G แรก คือ G : Green ดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ช่วยเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบทางการเกษตรของประเทศไทย เช่น มีชาวสวนปาล์มที่อยู่ในกลุ่มที่ส่วนที่ทำวัตถุดิบให้กับทางบริษัทฯ ประมาณ 2,000,000 ไร่ ซึ่งบริษัทฯใช้ผลิตภัณฑ์ปาล์มในการดำเนินธุรกิจไม่น้อยกว่า 30%ของผู้ผลิตในประเทศไทย ซึ่งการที่บริษัทฯช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มนำมันนี้จะก่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่สม่ำเสมอแก่ชาวสวนปาล์มไม่ต้องไปกังวลเรื่องราคาขายได้หรือไม่ได้ในตลาดอีกต่อไป G ตัวที่สองคือ G: Growth บริษัทฯมีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตในธุรกิจ BCG Model โดยเร็วเพื่อมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมระดับโลกด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายและขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และ C : Compliance บริษัทฯยึดมั่นต่อการดำเนินธุรกิจให้ความสำคัญกับสิ่งแวล้อม ให้ความสำคัญต่อเรื่องสังคมและยึดมั่นในกฎหมายพร้อมด้วยหลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอดการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมา

กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในระยะยาวอย่างยั่งยืน

สำหรับการดำเนินธุรกิจของ GGC จากนี้จะยึดหลักการดำเนินธุรกิจใน 3 ยุทธศาสตร์หลัก เพื่อสร้างความเข้มแข็ง เติบโตและยั่งยืน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ยุทธศาสตร์การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน (Enhance Competitiveness) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (Enhance Competitiveness) และสร้างความยืดหยุ่น (Resilience) เพื่อรองรับต่อสถานการณ์ที่กดดันต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการสร้างผลกำไรอย่างเต็มความสามารถ โดยมุ่งเน้น การบริหารจัดการต้นทุน จัดการวัตถุดิบอย่างเป็นธรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ และก็เพิ่มความหลากหลายของวัตถุดิบให้มากขึ้นโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างกระบวนการผลิตๆทุกๆขั้นตอนจนกระทั่งส่งมอบผลิตภัณฑ์จนถึงมือลูกค้า เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันตลอดห่วงโซ่อุปทานและสร้างการ Integrate ในมาบตาพุด (Supply Chain Management & MTP Integration) โดยบริหารจัดการ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่วัตถุดิบ ระบบโลจิสติกส์ ถังเก็บ คลังสินค้า และสินค้าคงคลัง ให้มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ และคุ้มค่า การสร้างความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติการ (Operational Excellence) มุ่งเน้นการรักษาความมั่นคงด้านการผลิต ความเป็นเลิศด้านปฏิบัติการ รวมไปถึงการใช้พลังงานและการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และการสร้างความแข็งแกร่งทางการตลาดและการต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ยกระดับการผลิตน้ำมันปาล์มในประเทศสู่มาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน และต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่มีมูลค่าสูงขึ้น ยุทธศาสตร์ที่ 2 : ยุทธศาสตร์การเติบโตในธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Growth Portfolio) ลดการใช้พลังงานในระหว่างการผลิตให้มีความเหมาะสมและจำเป็นเท่านั้น เพื่อสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนต่อยอดในธุรกิจเดิมของบริษัทฯ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel Business) ซึ่งบริษัทฯมีการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคง สร้างการยอมรับและเป็นมิตรกับทุกๆด้านในสังคมทุกๆมิติ 2.ธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemical Business) ซึ่งประเทศไทยมีแหล่งวัตถุดิบทางเคมีชีวภาพที่น่าสนใจในหลายๆชนิดมาก หากนำมาวิจัยและศึกษาต่อยอดก็จะก่อเกิดมูลค่าอย่างมีนัยยะสำคัญต่อธุรกิจของบริษัทฯได้และธุรกิจส่วนประกอบอาหารและ 3.โภชนเภสัช (Food Ingredient & Nutraceutical Business) โดยจะทำการศึกษาวิจัยพืชเกษตรชนิดอื่นๆที่เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยีของบริษัทฯเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสู่ตลาด เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เด้านความสวยงาม เป็นต้น

ยุทธศาสตร์ที่ 3 : ยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) เพื่อการเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำคือการนำปาล์มมาใช้เป็นวัตถุดิบ บริษัทฯจะเข้าไปแนะนำหลักวิชาการการปลูกปาล์มที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนคู่ขนาดด้วยเพื่อให้แข่งขันได้ในตลาดสากลต่อไปและเน้นย้ำถึงบทบาทความ “เป็นผู้นำผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนพลังแห่งการสร้างสรรค์ เพื่อคุณค่าที่ยั่งยืน” ในส่วนของวัตถุดิบกลางน้ำจะหาตลาดคู่ค้าเพื่อนำวัตถุดิบกลางน้ำไปใช้ประโยชน์ที่เหมาะสมอีกทางหนึ่งด้วยให้คู่ค้าลูกค้าคุ้มค่าค้มทุนไปกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ พร้อมเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจเดียวกันเพื่อต่อยอดการดำเเนินธุรกิจสร้างรายได้เข้าบริษัทโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวมในสังคมร่วมกัน

กฤษฎา กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานของ GGCในปี ..2565 ว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างรายได้จากการขาย 25,084 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 953 ล้านบาท ถือเป็นยอดรายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของบริษัทฯตั้งแต่ก่อตั้งมา โดย GGC ได้เตรียมงบประมาณในการดำเนินธุรกิจในปี พ..2566 ประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับใช้ปรับปรุงการดำเนินธุรกิจกลุ่มเดิมที่มีอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท และลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆประมาณ 1,500 ล้านบาท

แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ สงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่ยุติ ราคาน้ำมัน ราคาวัตถุดิบทางการเกษตรและอื่นๆรวมทั้งการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี พ..2566 จะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่บริษัทฯ ก็ยังหวังว่าการดำเนินธุรกิจจะค่อยๆดีขึ้นโดยตั้งเป้าผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี พ..2565 เป็น 1,700 ล้านบาท ส่วนอีก 3 ปีจากนี้ตั้งเป้าผลกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท และในปี พ..2571 เป้าผลกำไรสุทธิจะเป็น 5,000 ล้านบาท” กฤษฎา กล่าวทิ้งท้าย


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save