ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโต 59.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พลิกสถานการณ์โควิด- 19 ได้อย่างน่าชื่นชม โดยมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190 ล้านบาท หรือ 12.7% และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 314.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4%
รายได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ยังคงมาจากรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมีรายได้ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้ซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) เพิ่มขึ้นจากการได้สัญญาใหม่กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ระยะเวลาสัญญา 2 ปี มูลค่ากว่า 195 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2564
ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้ 140.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 83.5% โดยนอกจากจะสามารถดำเนินงานจากสัญญาซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ได้เป็นอย่างดีตามเป้าหมายแล้ว บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์ให้มีการจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งเริ่มดำเนินงานเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้ 140.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 83.5% โดยนอกจากจะสามารถดำเนินงานจากสัญญาซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ได้เป็นอย่างดีตามเป้าหมายแล้ว บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์ให้มีการจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งเริ่มดำเนินงานเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สุดท้ายสำหรับธุรกิจขนส่ง ไม่น้อยหน้า สร้างรายได้โต 19.1% เพราะนอกจากจะมียอดขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปริมาณการใช้ก๊าซที่สูงขึ้นแล้ว บริษัทยังได้รับชัยชยะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา ซึ่งบริษัทฯ เริ่มดำเนินงานและรับรู้รายได้จากสัญญาดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและเดือนธันวาคม 2564 ทำให้กลุ่มธุรกิจขนส่งของบริษัทสามารถทำรายได้ได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา
“การที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มขึ้นในทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ การขนส่ง และธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ที่เริ่มดำเนินการในปีนี้ รวมถึงประสบความสำเร็จจากการเข้าไปลงทุนในบริษัทร่วมทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา และจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด หรือ SAP ที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี” ดร.ฤทธี กล่าว
ทั้งนี้สำหรับงบปี 2564 นี้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการโอนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ iCNG ไปยังบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด หรือ TJN จำนวน 11.0 ล้านบาท เพื่อจำหน่ายหุ้น 49% ของ TJN ให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นในนาม “Shizuoka Gas Company Limited (SZG)” เพื่อร่วมมือขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติในระดับสากล โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการขายหุ้นจำนวน 49% ของ TJN ให้แก่ SZG แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาจำนวน 313.1 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่บริษัทฯ ยังไม่ได้บันทึกรายได้ดังกล่าวในรอบผลประกอบการปี 2564 นี้ ประกอบกับบริษัทฯ มียอดค้างชำระของลูกค้าบางส่วนซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้จำเป็นต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามมาตรฐานบัญชี TFRS 9 จำนวน 37.8 ล้านบาท ซึ่งหากหักผลกระทบดังกล่าวออกไป จะทำให้บริษัทฯ บันทึกกำไรในปี 2564 สูงขึ้นเป็น 117.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 171.4%
โดยดร. ฤทธี เผยต่อว่า คณะกรรมการบริษัทไฟเขียว มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.055 บาท รวมจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 66 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเตรียมเสนอขออนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 27 เม.ย. 2565 และจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2565
สำหรับในปี 2565 นี้ บริษัทฯ คาดว่าสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการชนะประมูลสัญญาในหลายโครงการอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา นอกเหนือไปกว่านั้นยังมีธุรกิจน้องใหม่ อย่างธุรกิจกัญชงที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทได้ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เฟส 2 เพิ่มขึ้นได้ในปีนี้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ SCN ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจและการมองหาตลาดใหม่ ๆทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เข้มแข็ง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง