วัตสัน ชูกลยุทธ์ O+O เพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ส่งเสริมความยั่งยืน


วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การชอปปิ้งออฟไลน์และออนไลน์ (O+O) แบบไร้รอยต่อในปี 2566 ด้วยการยกระดับเครือข่ายที่ครอบคลุม เพิ่มจำนวนสาขาปีละ 50 สาขา ตั้งคลังสินค้าแห่งที่ 3 ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา พร้อมปรับใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล (PCR Plastic) มีการใช้บรรจุภัณฑ์แบบรีฟิล และใช้กระดาษที่ได้รับการรับรองจาก FSC ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน รวมทั้งเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากถึง 1,800 รายการ รองรับเทรนด์ใหม่ที่ลูกค้าไทยให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรต่อโลก

วัตสัน ใช้กลยุทธ์ O+O ในทุกตลาดทั่วโลก รวมถึงวัตสัน ประเทศไทย ที่กำลังมุ่งหน้าสู่ 14 ล้าน Ecosystem บนแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งเฟซบุค Tiktok เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านช่องทางใดก็ได้ ทุกที่ และทุกเวลาได้อย่างไร้รอยต่อ โดยในเดือนเมษายน วัตสันจะเปิดตัว “โปรโมเชื่อม” โปรโมชั่นที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อการชอปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์สำหรับสมาชิกวัตสัน คลับ หากสมาชิกวัตสัน คลับซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% เมื่อชอปสินค้าที่หน้าร้านวัตสันในเดือนเดียวกัน และเช่นเดียวกัน หากสมาชิกซื้อสินค้าที่หน้าร้านก่อน ก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 5% เมื่อซื้อสินค้าทางออนไลน์ในเดือนเดียวกัน

พสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์

พสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า วัตสันตระหนักดีว่า พฤติกรรมของลูกค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว และการปรับเปลี่ยนวิธีที่เราให้บริการลูกค้าทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์คือกุญแจสู่ความสำเร็จของเรา โดยกลยุทธ์แพลตฟอร์ม O+O ถือเป็นรูปแบบธุรกิจและกลยุทธ์หลักของเรา ซึ่งในปีนี้เรามีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถชอปกับเราได้ในทุกสถานการณ์ รวมถึงลูกค้าต้องสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ในราคาที่ดีที่สุด ในทุกๆ ครั้งของการชอปปิ้ง

“กลยุทธ์ O+O หมายถึงว่าเรามีสองช่องทางคือทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แต่เราเห็นว่าเวลาลูกค้าคนเดียวกัน จะเลือกซื้อสินค้าทั้งจากทางออนไลน์และหน้าร้านนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการ เวลา หรือสถานที่ในขณะนั้น ซึ่งหมายความว่าเราต้องมอบสิทธิประโยชน์ที่เท่ากันให้กับลูกค้าแต่ละราย และ “โปรโมเชื่อม” จะเป็นการมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าที่ซื้อสินค้าทั้งสองช่องทางของเราได้อย่างทั่วถึง” พสิษฐ์ กล่าว

พสิษฐ์ กล่าวว่า วัตสันยังคงพัฒนาบทบาทในฐานะผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทยต่อไป เพื่อตอบรับความต้องการของสมาชิกและลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยผลิตภัณฑ์ของวัตสันเอง ตลอดจนการสานต่อความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นที่น่าสนใจให้กับลูกค้า และสนับสนุนแคมเปญผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืน โดยในเดือนมีนาคม วัตสันได้เปิดตัว Dermaction Plus Solar Barrier ผลิตภัณฑ์เวชสำอางกันแดดซึ่งเป็นแบรนด์ของวัตสัน เพื่อช่วยให้คนไทยปกป้องผิวจากแสงแดดและคลื่นความร้อนได้อย่างครอบคลุม และปีนี้วัตสันจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายซึ่งเป็นแบรนด์ของวัตสันเอง รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเวชสำอางเพิ่มเติม วัตสันจะยังคงสานต่อความร่วมมือกับคู่ค้าผ่านแคมเปญส่งเสริมการขาย และแคมเปญส่งเสริมด้านความยั่งยืนตลอดทั้งปี

สำหรับสมาชิกวัตสัน คลับ กว่า 8 ล้านคน ได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากแพลตฟอร์มวัตสัน O+O แล้ว โดยตอนนี้สมาชิกสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ชอปปิ้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ที่ราบรื่น ในราคาที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และสามารถสะสม หรือใช้คะแนนได้เหมือนกันทั้งสองช่องทาง

จากการสำรวจ ในปี พ.ศ. 2565 พบว่าคนไทยกว่า 60% ให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรกับโลก วัตสันเล็งเห็นความสำคัญของการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน จึงได้ปรับใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิล (Post-Consumer Recycled : PCR Plastic) และเลือกใช้กระดาษที่ได้รับการรับรองจาก FSC2 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน รวมถึงเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับลูกค้า โดยปัจจุบันมีสินค้าให้ลูกค้าเลือกมากถึง 1,800 รายการ รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์แบบรีฟิล และลดการใช้บรรจุภัณฑ์อีกด้วย

“เราพูดคุยกับซัพพลายเออร์ เพื่อช่วยกันผลักดันและส่งเสริมผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน จะเห็นได้ว่าหลายลแบรนด์เริ่มออกผลิตภัณฑ์ที่มีถุงแบบรีฟิลมากขึ้น ในส่วนของบรรจุภัณฑ์มีการใช้กระดาษรีไซเคิลมากขึ้น สำหรับสินค้าประเภทครีมกันแดดใช้ส่วนประกอบที่เป็นมิตรต่อปะการังและท้องทะเล” พสิษฐ์ กล่าวเสริม

วัตสันยังคงให้การสนับสนุนเพื่อนพนักงานและคนในชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับความเท่าเทียม ความหลากหลายของผู้คนในองค์กร และการมีส่วนร่วมในกลุ่มพนักงานของเรา นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ หรือ บ้านพักฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 20 ปีเพื่อส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางเพศในสังคม รวมถึงมีความร่วมมือกับองค์กรระดับโลกเพื่อตอบแทนสังคม ยกตัวอย่างเช่นโครงการ Give a Smile ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างวัตสันและมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม (Operation Smile) เพื่อสนับสนุนการผ่าตัดให้กับเด็กปากแหว่งเพดานโหว่แล้วทั้งหมด 40 คน


เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เอง โดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save