ท่านคงจะมีคำถามว่าปี พ.ศ. 2561 นี้ ทิศทางพลังงานทดแทนเป็นเช่นไร จะรุ่งเรืองหรือร่วงโรยตามภาวะเศรษฐกิจ คงต้องมองภาพรวมเชิงนโยบายก่อน เนื่องจากพลังงานทดแทน (Renewable Energy) เป็นธุรกิจนโยบายของรัฐ ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังงานทดแทนเลยวันนี้คนไทยก็ยังคงมีพลังงานใช้กันอย่างเหลือเฟือ ดังนั้นธุรกิจพลังงานทดแทนจะมีมากน้อยเพียงใดอยู่ที่นโยบายของแต่ละประเทศ โดยคาดหวังว่าพลังงานทดแทนจะช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน และช่วยลด Green House Gas หรือก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน…
วันนี้พลังงานทดแทนไทยมีผู้เล่นและผู้เกี่ยวข้องมากหน้าหลายตาทั้งภาครัฐและเอกชน จะขอกล่าวถึงภาครัฐก่อน นอกจากกระทรวงพลังงานเจ้าของเรื่องของพลังงานเกือบทุกประเภทแล้วก็ยังมีอีกหลายๆ กระทรวงและหลายๆ หน่วยงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
- กระทรวงพลังงานกระทรวงเกรด A+ ถึงแม้จะมีงบประมาณน้อยแต่มีพลังมากจนเป็นกระทรวงเกรด A+กระทรวงพลังงาน มีนโยบายด้านพลังงานทดแทนที่ชัดเจนคือ ปรับตามแนวทางของรัฐมนตรีแต่ละท่านที่มาเป็นเจ้ากระทรวง มีหลายๆ กรมและหลายๆ หน่วยงานในกระทรวงนี้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน
- กกพ. (คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) หรือภาษาสากลเรียกว่า Energy Regulator Commission (ERC) เป็นหน่วยงานอิสระสังกัดกระทรวงพลังงานในเกือบทุกๆ ประเทศมักจะมีหน่วยงานนี้ไว้กำกับดูแลด้านพลังงาน ไม่เพียงแต่พลังงานทดแทนแต่ครอบคลุมไปถึงพลังงานอื่นๆ ด้วย ซึ่งแล้วแต่ว่าในประเทศนั้นจะกำหนดบทบาทและอำนาจหน้าที่ไว้อย่างไรสำหรับประเทศไทย ERC งานกำกับดูแลหลักก็คือ ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ สำหรับพลังงานทดแทนแล้ว กกพ. คือหน่วยงานที่รวมศูนย์อำนาจอนุมัติ ตรวจสอบ และตรวจติดตามที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายสูงสุด จนเป็นที่จับตามองทั้งของภาครัฐและเอกชน
- คณะกรรมาธิการการพลังงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีคณะอนุกรรมการด้านพลังงานทดแทน ทำหน้าที่ตั้งแต่รับเรื่องร้องเรียน และร่าง พ.ร.บ. ไปจนถึงพิจารณาแก้ไขระเบียบต่างๆ ผลงานที่ชาวพลังทดแทนรอคอยมากที่สุด มีอยู่สองเรื่อง คือ พ.ร.บ.พลังงานทดแทน และ การปรับปรุง พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงานพ.ศ. 2550 ให้ทันสมัย สำหรับ พ.ร.บ.พลังงานทดแทน ได้มีการช่วยกันผลักดันทั้ง สปท. และ สนช. ต่อมาเมื่อ สปท.หมดวาระทางอนุกรรมาธิการพลังงานทดแทน สนช. จึงรับหน้าปรับปรุงร่างส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีกครั้งหลังจากที่เคยผลักดันและรับฟังความคิดเห็นมาหลายครั้ง…ขอให้ผ่านก่อน สนช.หมดวาระ นั่นคือก่อนการเลือกตั้งใหญ่ทั่วไป
สำหรับ พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 เนื่องจากเก่าและแก่จึงควรมีการแก้ไขปรับปรุงให้ทันยุคทันสมัย กระจายอำนาจให้เหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ มีการยกร่างให้บุคคลภายนอกเป็นผู้พิจารณากลั่นกรอง จากเดิม กกพ. (คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) ใช้อนุกรรมการรับเรื่องและพิจารณาอุทธรณ์ เกือบจะชุดเดียวกับกรรมการชุดที่ถูกอุทธรณ์ ผลปรากฏว่าไม่ค่อยมีการอุทธรณ์และการอุทธรณ์ก็ไม่เคยชนะ กกพ. ทำให้ฟ้องกันทุกเรื่องไป - คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านพลังงาน (สภาปฏิรูปประเทศ) เมื่อ สปท.หมดวาระลงตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ครม.จึงตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน รวมทั้งด้านพลังงาน โดยมี พ.ร.บ.รองรับ และให้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นฝ่ายเลขาฯ คณะกรรมการทั้ง 11 ด้าน 11 คณะ มีวาระ 5 ปี เพื่อนำผลพวงจากร่างรายงานของ สปท. มาใช้ให้เป็นรูปธรรม อาจมีคำถามว่ากระทรวงต่างๆ จะเห็นชอบและเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย ตามที่คณะกรรมการนี้เสนอหรือไม่ คงต้องรอดูต่อไปในการผลักดันและตรวจติดตามรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาจะขอสรุปโดยย่อสำหรับแผนปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน 6 ด้าน 17 ประเด็นปฏิรูป ดังนี้
- ด้านการบริหารการจัดการพลังงาน
– การปฏิรูปองค์กรด้านพลังงาน
– การพัฒนาศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ
– ปฏิรูปการสร้างธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน
- ด้านไฟฟ้า
– โครงสร้างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า
– ส่งเสริมกิจการไฟฟ้าเพื่อเพิ่มการแข่งขัน
– ปฏิรูปโครงสร้างการบริหารกิจการไฟฟ้า
- ด้านปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
– ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติ
– การพัฒนาปิโตรเคมีระยะที่ 4
- ด้านการสนับสนุนพลังงานทดแทนเพื่อการส่งเสริม การแข่งขันและสร้าง
มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
– ปฏิรูประบบบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวลไม้โตเร็ว สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล
– แนวทางส่งเสริมและขจัดอุปสรรคในการนำขยะมูลฝอยไปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตไฟฟ้า
– การส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี
– ปฏิรูปโครงสร้างการใช้พลังงานค่าขนส่งระยะ 20 ปี
-
- ด้านการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
– การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าในกลุ่มอุตสาหกรรม
– การใช้ข้อบัญญัติเกณฑ์มาตรฐานอาคารด้านพลังงาน (Building Energy Code: BEC)
- ด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน
– การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
– การส่งเสริมเทคโนโลยีระบบการกักเก็บพลังงาน
วันนี้…พลังงานทดแทนไทยยังตั้งอยู่บนธุรกิจการซื้อขาย PPA (Power Purchase Agreement) เป็นสำคัญ ไม่ว่านักลงทุนหรือสถาบันการเงิน รวมทั้งหน่วยงานของรัฐก็ตาม ถนนทุกสายมุ่งสู่ PPA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัทในตลาดหลักทรัพย์อยากได้ PPA ไว้เพิ่มมูลค่าหุ้นแบบเอาสเต็กมาแลกก็ไม่ยอม ยิ่งเป็นสถาบันการเงินและธนาคารด้วยแล้ว คือผู้ค้า PPA รายสำคัญที่สุด ประโยคแรกที่ท่านเดินเข้าไปเพื่อขอกู้เงิน จะได้ยินคำถามว่า“PPA น่ะมีมั้ย”
วันพรุ่งนี้…หลังจากที่พลังงานทดแทนมีพ.ร.บ.ของตนเองและกลไกการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานผ่าน ครม. ซึ่งวาระการทำงานของคณะกรรมการปฏิรูปด้านพลังงานยาวนานถึง 5 ปี ในอนาคตเราอาจจะมี Solar roof เสรี ไฟฟ้าเสรีPrivate PPA รวมทั้งSmart Micro Grid แถมด้วยโรงไฟฟ้าประชารัฐที่ชุมชนเป็นเจ้าของ 100% และอีกมากมายที่สะดวกสบายกว่าปัจจุบันเมื่อถึงวันนั้นเจ้า PPA อาจกลายเป็นทางเลือกสุดท้ายของธุรกิจพลังงานทดแทนก็ได้